ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังการตัดสินใจเดินหน้านโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา โดยเริ่มจากภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค โดยปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยังอยู่ที่ภาคการท่องเที่ยว ที่ฟื้นตัวดีขึ้น เป็นที่สนใจของสื่อต่างชาติชั้นนำอย่างรอยเตอร์ ได้นำเสนอข่าว Thailand beats 2022 tourism target with 11.15 mln foreign arrivals ระบุว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเยือนประเทศไทย 11.15 ล้านคน เพิ่มสูงกว่าปี 2564 ที่มีจำนวน 428,000 คน เป็นการเพิ่มขึ้นแบบทะลุเป้าโดยในเดือนธันวาคม 2565 เพียงเดือนเดียว มีชาวต่างชาติไปเที่ยวประเทศไทยมากถึง 2.24 ล้านคน มากกว่าเดือนธันวาคม 2564 ที่มีเพียง 230,497 คน สะท้อนภาพการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนความสำเร็จของนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ที่สื่อต่างชาติเล็งเห็น
ทิพานัน กล่าวอีกว่า สำหรับในปี 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 ล้านคน และคาดว่าจะมีรายได้รวมสูงสุดอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท กลับมาในอัตรา 80% ของปี 2562 การลงทุนภาครัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งตัวเลขเฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติแล้ว 5,129 ล้านบาท การลงทุนในพื้นที่ EEC และอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ การสนับสนุนภาคเกษตร เดินหน้านโยบาย BCG โมเดลที่พลิกโฉมประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน หารายได้เข้าประเทศได้หลายทาง กระจายรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ส่วนที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นกรณี ครม.อนุมัติงบประมาณเป็นวงเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านบาทว่า พรรคเพื่อไทยสามารถดำเนินการได้ และทำได้ดีกว่าด้วย เพราะหาเงินเป็นว่า ใครก็สามารถพูดได้ว่าหาเงินเป็น แต่การหาเงินภายใต้ภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤตอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำมาแล้ว คือเผชิญทั้งวิกฤตโควิด สงครามการค้าและสงครามในทวีปยุโรปนั้น ไม่ใช่ใครก็สามารถทำได้ หรืออวดอ้างว่าทำได้ดีกว่า และแม้ไม่รู้จะทำได้ดีกว่าหรือไม่ สิ่งสำคัญที่พี่น้องประชาชนตระหนักดีก็คือ การให้ความไว้วางใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในการบริหารจัดการงบประมาณอย่างซื่อสัตย์ สุจริต ทุกมาตรการ ทุกสิทธิ ส่งตรงถึงมือประชาชน อย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส
“ฉะนั้นคนเป็นผู้นำ หรือรัฐบาล จึงไม่ใช่แค่หาเงินเป็นอย่างเดียว แต่ต้องรักษาเงินให้เป็น และต้องโกงไม่เป็น มีความน่าเชื่อถือ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ ประเทศชาติถึงจะไปรอด ดังที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินหน้าทำแล้ว ทำอยู่ และพร้อมทำต่อ เพื่อพี่น้องประชาชนทุกคน” ทิพานัน กล่าว