ในการปราศรัยครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีบราซิล ลูลาสาบานว่าเขาจะสร้างประเทศขึ้นใหม่จาก “ซากปรักหักพังอันเลวร้าย” ลูลายังได้ประณามนโยบายของโบลโซนาโร ซึ่งออกเดินทางไปสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ธ.ค.) เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมพิธีส่งมอบอำนาจต่อลูลา
กระแสคลื่นมวลชนผู้สนับสนุนลูลา ออกมารวมตัวกันที่หน้ารัฐสภาบราซิลตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของพิธีสาบานตน โดยมวลชนต่างประดับประดาสถานที่ไปด้วยสีแดง เพื่อมารอดูการเข้าพิธีสาบานตนของลูลา อีกทั้งการเฉลิมฉลองชัยชนะของพวกเขาอีกด้วย
ศิลปินมากกว่า 60 คน รวมถึงศิลปินแซมบาในตำนานอย่าง มาร์ติญโญ ดา วิลา ถูกจองตัวให้ขึ้นทำการแสดงบนเวทีขนาดยักษ์ 2 เวที ซึ่งประดับด้วยธงชาติบราซิล อันเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลดนตรีที่มีชื่อว่า “ลูลาปาลูซา”
ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนลูลา พร้อมสายสะพายประธานาธิบบราซิล ยืนถือป้ายที่มีข้อความเขียนว่า “ความรักชนะความเกลียดชัง” ในขณะที่ผู้สนับสนุนอีกคนของลูลา กล่าวขณะที่เธอเข้าคิวเพื่อรอเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองในวันอาทิตย์ว่า “บราซิลต้องการการเปลี่ยนแปลงนี้ การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้” นอกจากนี้ จูเลียนา บาร์เรโต ซึ่งมาจากรัฐเปร์นัมบูกู บ้านเกิดของลูลา บอกกับสำนักข่าว BBC ว่า ก่อนหน้านี้ประเทศของเธอ “พบกับความเลวร้ายที่สุด” ในยุคสมัยของโบลโซนาโร
ลูลา และ เจอรัลโด อัลค์มิน รองประธานาธิบดีบราซิลคนใหม่ ได้เดินสวนสนามไปทั่วเมืองบนรถเปิดประทุนก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังอาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง โดยก่อนการเริ่มพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ชายทั้งสองได้ใช้เวลาหลายวันที่ผ่านมาในการเลือกคณะรัฐมนตรี และแต่งตั้งผู้สนับสนุนให้กับธุรกิจของรัฐบาลบราซิลที่สำคัญต่างๆ
ไม่นานหลังจากสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ลูลาพยายามสร้างความรู้สึกแห่งความหวังให้กับชาวบราซิล และสัญญาว่าเขาเองจะ “สร้างชาติขึ้นมาใหม่ และทำให้บราซิลเป็นของทุกคน เพื่อทุกคน” มีหลายครั้งที่ลูลาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เนื่องจากเขาหลั่งน้ำตาของความสะเทือนใจที่สุดของเขา ลูลาเริ่มสะอื้นเมื่อพูดถึงผู้คนที่ต้องออกมาขออาหารตามแยกไฟสัญญาจราจร
ลูลาเองก็อาจจะคิดว่าเขาคงไม่มีวันนี้ วันที่เขาได้กลับเข้าสู่ตำแหน่งสูงสุดอีกครั้ง หลังจากที่เวลาผ่านไป 2 ทศวรรษ เพราะเขาเคยถูกจองจำเพราะถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีคอร์รัปชัน อย่างไรก็ดี คำตัดสินจำคุกต่อลูลาถูกยกเลิกในเวลาต่อมาเมื่อปี 2564 ทั้งนี้ คำปราศรัยส่วนใหญ่ของลูลาต่อรัฐสภาบราซิล มุ่งไปที่ประเด็นเกี่ยวกับเอกภาพและการสร้างชาติขึ้นใหม่ 2 คำนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบราซิล ที่มีการแตกแยกอย่างลึกซึ้ง ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคระบาด และเกิดการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างมหาศาล
ลูลารู้ว่าความท้าทายสูงสุดของเขา คือการโน้มน้าวผู้ที่รู้สึกว่าเขาเป็นนักการเมืองที่ทุจริตซึ่งติดคุก แต่กลับได้มาอยู่ในทำเนียบประธานาธิบดีอีกครั้ง และสามารถเป็นผู้นำของพวกเขาได้เช่นกัน ทั้งนี้ ลูลาให้คำมั่นว่าเขาจะเลิกทำสิ่งที่ตกทอดมาจากรัฐบาลของโบลโซนาโร ซึ่งเขากล่าวว่าเกี่ยวข้องกับการขาดแคลนงบประมาณเพื่อการศึกษา สุขภาพ และการอนุรักษ์ป่าฝนแอมะซอน ลูลายังได้รับเสียงปรบมือและร้องเชียร์ หลังเขาสัญญาต่อรัฐสภาว่า เขาจะเพิกถอนกฎหมายอาวุธปืนของโบลโซนาโรในทันที
ลูลากล่าวต่อไปว่ารัฐบาลของเขาจะไม่บริหารประเทศด้วย “จิตวิญญาณแห่งการแก้แค้น” แต่ผู้ที่ทำผิดพลาดจะต้องหาคำตอบมาให้กับความผิดพลาดของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูลาย้ำว่าเขาจะแยกแยะนโยบายโควิด-19 ของโบลโซนาโร โดยกล่าวหาว่าอดีตประธานาธิบดีเป็นต้นเหตุของ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” จากการเสียชีวิตในบราซิลระหว่างการแพร่ระบาด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสอบสวนอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายอีกครั้งหนึ่งของบราซิล จากฝ่ายบริหารของโบลโซนาโรมาเป็นลูลา มารินา ซิลวา ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศที่เป็นรู้จักกันดีที่สุดของบราซิล ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศอีกครั้ง โดยเธอจะต้องบรรลุคำมั่นสัญญาของลูลา ซึ่งกล่าวซ้ำอีกครั้งในระหว่างการปราศรัยของเขาว่า รัฐบาลใหม่จะบรรลุ “การตัดไม้ทำลายป่าเป็นศูนย์” ในพื้นที่แอมะซอนภายในปี 2573
ที่มา: