ไม่พบผลการค้นหา
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธาน กมธ.ฯ ย้ำ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผลกระทบจากนโยบายที่ดินและป่าไม้ฯ ไม่เอื้อประโยชน์นายทุน มุ่งเน้นที่กลุ่มชาวบ้านและประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก

วันนี้ (16 ตุลาคม 2568) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ โดย บรรยากาศของการประชุมฯ เป็นไปด้วยความสร้างสรรค์ คณะกรรมาธิการฯ และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ ได้แสดงความคิดเห็นในรายมาตราอย่างหลากหลาย และเป็นประโยชน์ โดยมี นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ในฐานะรองประธานฯ เข้าประชุม และร่วมแสดงความเห็นในที่ประชุมด้วย 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ในฐานะ ประธานการประชุมฯ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มาร่วมสังเกตการณ์การประชุมฯ โดยกล่าวถึงความคืบหน้าและทิศทางของการพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ฉบับนี้ ว่า วันนี้คณะกรรมาธิการฯ มีความเข้าใจตรงกันชัดเจนแล้วว่า จะเน้นการนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุมดำเนินคดีซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการคุ้มครองโดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ในขณะนั้นมีการออกมติมาเพื่อดำเนินการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน แต่ปรากฏว่าราษฎรกลุ่มนี้จำนวนมากถูกฟ้องว่าบุกรุกที่ดินของรัฐซึ่งถูกประกาศแนวเขตไปหลายล้านไร่

ทวี

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กล่าวต่อว่า ต่อมายังมีคำสั่งคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2557 ที่ให้ยกเว้นไม่คุ้มครองผู้ที่บุกรุกและพวกนายทุน แต่มติ ครม.ดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงการคุ้มครองผู้ยากไร้ที่อยู่ในกรอบชัดเจน ทำให้คนกลุ่มนี้ยังคงถูกดำเนินคดี ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้มาทำความเข้าใจตรงกันในส่วนนี้แล้ว และจะเน้นนิรโทษกรรมให้กับคนที่อยู่ในกลุ่มนี้โดยเฉพาะ

กลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับการนิรโทษกรรมนั้นได้ตกผลึกแล้ว โดยจะมีตัวเลขที่ชัดเจน เช่น กลุ่มที่อยู่ในที่ดินตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2541 มาจนถึงปี 2557 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนคนค่อนข้างชัดเจน เพราะจะอยู่ในพื้นที่ประกาศคุ้มครอง

ประธานคณะกรรมาธิการฯ ย้ำเงื่อนไขสำคัญของการนิรโทษกรรม คือ บุคคลที่จะได้รับนิรโทษกรรมจะต้องอยู่ในที่ดินนั้นมานานแล้ว และทำกินในที่ดินนั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่เพื่อบุคคลอื่น ผู้ที่จะได้รับสิทธิ คือ ผู้ที่ครอบครองและใช้ประโยชน์มาก่อน และได้รับการผ่อนผันตามกฎเกณฑ์ของรัฐบาล ยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้จะไม่เอื้อประโยชน์ให้นายทุน มุ่งเน้นที่กลุ่่มชาวบ้านและประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กล่าวว่า ในร่างกฎหมายยังมีประเด็นเรื่อง "การคืนสิทธิ์" ซึ่งเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาอย่างละเอียดเกี่ยวกับการที่รัฐประกาศแนวเขตทับที่ดินที่ประชาชนอาศัยอยู่มาก่อน โดยหากจะนิรโทษกรรมก็ต้องเป็นผู้ที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิเสร็จแล้ว เป็นต้น 

ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ถึง 2 วัน โดยคณะกรรมาธิการฯ จะมีการทำความเข้าใจกับประชาชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และจะรวมรวบข้อมูลเพื่อพิจารณาให้ครอบคลุมและรอบด้านที่สุดต่อไป

S__7741465.jpg

ทางด้าน นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ในฐานะรองประธานฯ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า "ไม่ได้รู้สึกหนักใจเรื่องนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของ ส.ส. ที่ต้องช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนจากปัญหาที่ดิน" แม้จะไม่แน่ใจในเจตนาของบางฝ่าย ที่อาจเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่เจตนาของคณะกรรมาธิการฯ คือ "การช่วยเหลือประชาชน" ซึ่งเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามปกติ ไม่มีอะไรผิดปกติ

สำหรับข้อห่วงกังวลของหลายฝ่ายที่อาจมองว่าเนื้อหาของกฎหมายอาจนำไปสู่การ "นิรโทษกรรมสุดซอย" ซึ่งอาจมีคนบางกลุ่มเข้ามาแสวงหาประโยชน์ นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ในฐานะรองประธานฯ ชี้แจงว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ตีกรอบและควบคุมกลุ่มเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน โดยเน้นย้ำว่า "เราไม่ได้ไปช่วยทุกคน แต่เราจะช่วยเฉพาะกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติและสมควรได้รับความช่วยเหลือจริงๆ"

ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือต้องเป็นกลุ่มคนที่มีความชอบธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่รัฐบาลเคยมีนโยบายคุ้มครองพวกเขาอยู่แล้ว เช่น มติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาจึงไม่ใช่ผู้ที่สมควรถูกดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้น

S__7725176.jpg