ไม่พบผลการค้นหา
ผลสำรวจชิ้นใหม่ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ต้องการให้ทั้ง โจ ไบเดน และ โดนัลด์ ทรัมป์ มาลงแข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2567 ที่จะถึงนี้

ในผลสำรวจของ NewsNation และ Decision Desk HQ เผยว่า มากกว่า 60% ของผู้มีสิทธิออกเสียง และ 30% ของฐานเสียงพรรคเดโมแครต ระบุว่า ไบเดนไม่ควรลงรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้งในสมัยหน้า ในขณะที่ผู้มีสิทธิออกเสียง 57% ระบุว่า ทรัมป์ไม่ควรลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยเป็นฐานเสียงจากพรรครีพับลิกัน 26%

อย่างไรก็ดี ผู้ตอบคำถามของผลสำรวจไม่ทราบว่าใครควรจะลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แทนไบเดนและทรัมป์ ในขณะที่ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ รอน เดอซานทิส ผู้ว่าการมลรัฐฟลอริดา เป็นนักการเมืองที่มีคะแนนนำในผลสำรวจจากทั้งสองฝั่งพรรคในสหรัฐฯ

ปัจจุบันนี้ ไบเดนในวัย 79 ปี นับเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด ที่เคยเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง นอกจากนี้ ไบเดนประกาศว่า เขามีเจตจำนงที่จะลงท้าชิงรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สองอีกครั้ง หลังจากที่เขาคว้าชัยชนะมาจากทรัมป์ ในการรักษาเก้าอี้ของอดีตประธานาธิบดีในสมัยที่สอง

“ผมเป็นผู้ที่เคารพในเรื่องโชคชะตาอย่างมาก” ไบเดนกล่าวเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา “โชคชะตาเข้ามาในชีวิตของผมหลายครั้ง ถ้าหากผมสุขภาพยังดีอย่างที่ดีอยู่ในตอนนี้ ถ้าหากผมสุขภาพดี ดังนั้น พูดกันตามจริง ผมจะลงท้าชิงอีกครั้ง” ไบเดนยืนยันว่าหากตนยังแข็งแรงดี ตนจะยังคงลงรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปี 2567 ที่จะถึงนี้

วาระแรกของไบเดนในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกรุมเร้าด้วยวิกฤตต่างๆ นานา นับตั้งแต่การถอนกองกำลังของตนออกจากอัฟกานิสถาน ไปสู่สงครามรัสเซียในยูเครน และการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ไปจนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองในประเทศ นอกจากนี้ ฐานเสียงของรีพับลิกันและทรัมป์ ยังได้กล่าวโจมตีเรื่องการเลือกตั้งและสิทธิในการออกเสียงของสหรัฐฯ ในยุคสมัยที่ไบเดนกำลังเป็นประธานาธิบดีด้วยเช่นกัน

ทรัมป์เคยออกมากล่าวว่า ในอีกไม่ช้าตนจะออกมาประกาศลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นครั้งที่สาม ซึ่งอาจเป็นวิธีการหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาทางอาญา ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากฐานเสียงของตนเข้าล้มล้างการเลือกตั้ง และบุกโจมตีรัฐสภาสหรัฐฯ กลายเป็นเหตุล้มล้างการปกครองของประเทศครั้งใหญ่ นับตั้งแต่สหรัฐฯ ก่อตั้งประเทศมา

ผู้ตอบแบบสอบถามได้รับคำถามว่า พวกตนจะเลือกใครในผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต หากไบเดนไม่ลงรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยหน้า โดยคำตอบหลักคือ “คนอื่นสักคน” ด้วยอัตรา 44% โดยคะแนนที่รองลงมาต่างสนับสนุนแฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันที่ 12.1% นำหน้านักการเมืองพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ

ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตคนต่อไป ที่ผู้ตอบแบบสอบถามว่าเหมาะสมแก่การลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยต่อไป คือ เบอร์นี แซนเดอร์ส สมาชิกวุฒิสภาจากมลรัฐเวอร์มอนต์ ในวัย 80 ปี ผู้มีอุดมการณ์สังคมนิยม ที่เคยลงท้าชิงตำแหน่งผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตในปี 2559 และ 2563 ด้วยคะแนน 10.7% ตามมาด้วย กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยคะแนน 8.9% และ พีท บูทเทดเจดจ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ผู้เคยท้าชิงตัวแทนพรรคเดโมแครตเมื่อปี 2563 ด้วยคะแนน 7.8%

นอกจากนี้ นักการเมืองจากพรรคเดโมแครตอย่าง อเล็กซานเดรีย โอคาซีโอ-คอร์เทซ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงหัวก้าวหน้าจากมลรัฐนิวยอร์ก เกร็ทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการมลรัฐมิชิแกน และ เจบี พริทซ์เกอร์ ผู้ว่าการมลรัฐอิลลินอยส์ ต่างได้รับคะแนนจากผลสำรวจเพียงเล็กน้อย

ในทางตรงกันข้าม เสียงผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันตอบแบบสำรวจว่า “คนอื่นสักคน” ที่ควรมาท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ไม่ใช่ทรัมป์ นำอยู่ที่ 38.1% ในขณะที่เดอซานทิส ในฐานะผู้ว่าการมลรัฐฟลอริดา มีคะแนนนำอยู่ที่ 23.4% ตามมาด้วย ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยุคทรัมป์ ได้รับคะแนนสนับสนุน 20.5%

ยังมีชื่อนักการเมืองจากพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ ในผลสำรวจอีก เช่น นิกกิ ฮาลีย์ อดีตทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ เท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกจากมลรัฐเท็กซัส เกรก แอบบ็อทท์ ผู้ว่าการมลรัฐเท็กซัส คริสตี โนม ผู้ว่าการมลรัฐเซาท์ดาโกตา และ ทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกจากมลรัฐอาร์คันซอ


ที่มา:

https://www.theguardian.com/us-news/2022/jul/28/biden-trump-2024-president-election-poll?CMP=fb_gu&utm_medium=Social&utm_source=Facebook&fbclid=IwAR0rn8sDbabDn0hllpJXIKK34mg6cZ3qKRsqgvACQXnAUeHLn1V_XnvIcM4#Echobox=1659012452