ไม่พบผลการค้นหา
‘ชูวิทย์' สาวไส้ภาคต่อกลุ่มทุนจีน ซัดพฤติกรรม 'ใส่สูทปล้น' จัดตั้งบริษัทในไทยเพื่อฟอกเงินโดยเฉพาะ ซ้ำเปลี่ยนชื่อกรรมการฯ จนเป็นคนจีนล้วน แฉเคยชนะประมูลการไฟฟ้าฯ ชนะไปกว่า 90 ล้าน จ่อส่งหลักฐาน 'พล.ต.อ.สุรเชษฐ์'

วันที่ 8 พ.ย. 2565 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงเปิดเผยข้อมูลการจัดตั้งบริษัทของนายทุนจีนที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยเพื่อฟอกเงินจากธุรกิจสีเทาโดยเฉพาะ สืบเนื่องจากประเทศจีนมีการปราบปรามกลุ่มขบวนการทำธุรกิจผิดกฎหมายอย่างหนัก จนทำให้กลุ่มทุนจีนย้ายมาทำธุรกิจหลอกลวงประชาชนในประเทศไทย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน

ชูวิทย์ ได้เปิดเผยเอกสารรับรองการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่ง ระบุว่าจัดตั้งเป็นบริษัทนิติบุคคลตั้งแต่ปี 2543 โดยในครั้งแรกมีคนจีน และคนไทยร่วมเป็นกรรมการเพียง 2 คน ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 15 ล้านบาท จากนั้นมีการเปลี่ยนรายชื่อกรรมการบริษัทอยู่เป็นระยะมาตลอดหลายปี โดยปรากฏเป็นชื่อชาวจีนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเฉพาะรายชื่อคนจีนทั้งหมด พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนมากขึ้น จนปัจจุบันเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกครั้งเป็น 80 ล้านบาท

ทั้งนี้ ชูวิทย์ ยังแสดงหลักฐานการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างระหว่างบริษัทดังกล่าวกับหน่วยงานรัฐ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งได้ชนะการประกวดราคาเป็นเงินกว่า 96 ล้านบาท และยังชนะการประกวดราคากับหน่วยงานนี้มาแล้วหลายครั้ง แม้ว่าหลักเกณฑ์การพิจารณาจะกำหนดให้วัสดุที่จะนำมาใช้จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสากรรมในประเทศไทยเท่านั้น 

ชูวิทย์ กล่าวว่า เตรียมส่งหลักฐานเหล่านี้ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มทุนจีนที่เข้ามาเปิดบริษัทในไทย รวมทั้งเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนจีนเหล่านี้ 

ชูวิทย์ เรียกกลุ่มทุนจีนเหล่านี้ว่าเป็นการ 'ใส่สูทปล้น' เนื่องจากพฤติกรรมที่ชาวจีนเข้ามาถือหุ้นและเป็นกรรมการบริษัททั้งหมด ถึงขั้นมีสิทธิเหนือคนไทยได้ สะท้อนว่ากลุ่มทุนจีนกำลังเข้ามาครอบงำกิจการในไทยอย่างหนักข้อขึ้น ซึ่งกลุ่มทุนที่ตนเปิดเผยนี้เป็นเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ดำเนินกิจการเช่นนี้โดยผิดกฎหมาย ทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้มีสิทธิ์ขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ และ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ

ระหว่างการแถลงข่าว ชูวิทย์ ยังกล่าวตอบโต้หลายครั้งต่อกรณีที่ สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล แจ้งความดำเนินคดีตน โดยอ้างว่ามีการใช้สารเสพติดในผับของโรงแรมเดวิสเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2565 โดย ชูวิทย์ มองว่า หลักฐานของกลุ่มทุนจีนที่ตนเปิดเผยเหล่านี้เป็นของจริง ไม่ได้ใช้อารมณ์หรือพูดด้วยเสียงดังเหมือนอย่าง สันธนะ ทำ ซึ่งควรศึกษาเรียนรู้จากตนไว้

เมื่อสอบถามถึงการรู้เห็นของข้าราชการ ต่อขั้นตอนการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นที่มีคนจีนเป็นกรรมการบริษัท ชูวิทย์ ตอบว่า ไม่รับรู้ได้จริงหรือ ผลประโยชน์เหล่านี้เราเสียให้กับคนต่างชาติ แต่ผลประโยชน์เหล่านี้ไม่ได้ตกถึงคนไทยเลย