วันที่ 18 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าว 'วอยซ์' ติดต่อสัมภาษณ์ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อสอบถามถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในสถานการณ์ที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงอันดับ 1 และกำลังเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล
โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ตอบเพียงว่า ตนเป็นหนึ่งใน 23 ส.ว. ที่เคยโหวตปิดสวิตช์ตัวเองอยู่แล้ว และตนได้พูดแบบนี้มาตั้งแต่ต้น พร้อมมองว่ากระแสตอนนี้ปั่นไอโอกันขึ้นมา แต่ตนมองว่าต้องเป็นไปตามลำดับ ปล่อยให้เขาจัดตั้งรัฐบาลไป แล้วก็ต้องมาดูนโยบาย ประเด็นนี้ต้องวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง และให้เป็นไปตามที่หาเสียงไว้ โดยเน้นย้ำนโยบายต้องมีการบูรณาการ และแสดงถึงทิศทางของรัฐบาลได้
"แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นเลยว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ไหม คือผมเชื่อว่าจัดตั้งได้ แต่ว่าจัดตั้งเสร็จแล้วก็ต้องดูนโยบาย เหมือนที่ผมเคยสอนหลายคนในฝ่ายประชาธิปไตย ว่าต้องดูนโยบายเป็นหลัก เลือกตั้งมา ก็ต้องดูนโยบายว่าที่หาเสียงไว้ทำได้แค่ไหนเพียงใด"
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังระบุว่า ไม่ทราบว่าขณะนี้ ส.ว. ที่พร้อมจะโหวตให้นายกฯ จากพรรคก้าวไกลมีจำนวนมากขึ้นหรือไม่ เพราะ ส.ว.ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ
"ไม่มีใครสั่ง ส.ว.หรอกครับ ผมเข้ามาเป็น ส.ว.ทีหลัง ก็ยังไม่เห็นมีใครมาสั่งผมได้"
ทั้งนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังมองว่า ต่อไปไม่น่าจะมีวิกฤตทางการเมือง แต่ตอนนี้กำลังเกิดการปั่นกระแสมากเกินไป ว่าถ้าไม่โหวตให้จะโดนอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วถ้าหลงเชื่อก็จะลุกลามไปใหญ่ ความจริงหากพรรคได้เสียงข้างมากตนก็โอเคอยู่แล้ว แต่อยู่ที่การจัดการของพรรคว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่อย่างไร ต้องดูลำดับนั้นก่อน
"ผมก็คอยลุ้นและเชียร์อยู่ เพราะลำพังผมคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้ ต้องอยู่กับเรื่องที่ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลกำลังทำ ซึ่งผมก็กำลังติดตามอยู่"
"คนในฝ่ายประชาธิปไตยต้องละเอียดนะครับ ไม่ใช่ว่าใครมาพูดอะไรก็เชื่อ แล้วจะมาฆ่าแกงกัน ไม่ใช่นะครับ ต้องคิดวิเคราะห์แบบมีเหตุผล ... ถ้าไปฟังเขาปั่นมาแล้วเชื่อไปเลย นี่ไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย" พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อปี 2561 ก่อนจะลาออก และรับตำแหน่ง ส.ว. เมื่อ ก.พ. 2565 เนื่องจากมีผู้ลาออกทำให้ตำแหน่งว่าง