แคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงประกาศว่า ประชาชนชาวฮ่องกงจะได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวนสามครั้งในเดือน มี.ค.ที่จะถึงนี้ โดยทางการของฮ่องกงจะทำการตรวจหาเชื้อในประชาชนวันละ 1 ล้านคน “หลังจากที่เรามีประชากรกว่า 7 ล้านคน การตรวจหาเชื้ออาจใช้เวลาเจ็ดวัน” หล่ำระบุ
รัฐบาลบริหารเกาะฮ่องกงระบุว่า ลำดับการเข้าตรวจหาเชื้อของประชาชนฮ่องกงจะถูกจัดเรียงขึ้นตามวันเดือนปีเกิด โดยประชาชนแต่ละคนต้องทำการจองวันตรวจหาเชื้อก่อนล่วงหน้า โดยทางการฮ่องกงจะมีหน้ากากและอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง มอบให้แก่ประชาชนก่อนการตรวจอย่างเป็นทางการด้วย
ในขณะเดียวกัน ทางการฮ่องกงได้ทบทวนการเว้นระยะเวลาห่างของการฉีดวัคซีนระหว่างโดสที่สองและสาม โดยรายละเอียดดังกล่าวจะได้รับการประกาศออกมาอีกครั้งในอนาคต ทั้งนี้ หากนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นมา ฮ่องกงเป็นดินแดนที่มีจำนวนประชากรติดเชื้อโควิด-19 หนาแน่นมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยอัตราการติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 5,000 คน โดยอัตราการติดเชื้อดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของฮ่องกงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตั้งแต่เปิดปี 2565 เป็นต้นมา ฮ่องกงมียอดรายงานผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 54,000 คน และเสียชีวิตอีก 145 คน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยฮ่องกงคาดการณ์ว่า ฮ่องกงอาจพบกับตัวเลขการติดเชื้อต่อวันที่พุ่งสูงขึ้นไปถึง 180,000 คน ในช่วงเดือน มี.ค.ที่จะถึงนี้
คณะผู้บริหารของหล่ำเพิ่งตัดสินใจเลื่อนการเลือกตั้งผู้บริหารฮ่องกงออกไปเป็นวันที่ 8 พ.ค. เพื่อตอบรับกับการระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ มาตรการที่เริ่มยกระดับขึ้นของฮ่องกง เกิดขึ้นหลังจากการเข้าพบกันระหว่างหล่ำกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน โดยสีเรียกร้องให้หล่ำออกนโยบาย “ภารกิจพิชิต” การระบาดที่กำลังแพร่เป็นวงกว้างในฮ่องกง โดยสีแสดง “ความเป็นห่วงไปถึงสถานการณ์การระบาด” ในฮ่องกงผ่านมายังทางหล่ำด้วย
นอกจากนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ได้เริ่มส่งเจ้าหน้าที่ด้านระบาดวิทยา บุคลากรด้านการแพทย์ และอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ เข้ามายังฮ่องกงเพื่อช่วยควบคุมการระบาดเอาไว้ เนื่องจากฮ่องกงเองมีแนวนโยบายโควิดเป็นศูนย์ไม่ต่างอะไรไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ ต่างจากหลายประเทศที่หันหน้าเข้าสู่การยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาด และประกาศให้ประชาชนอยู่ร่วมกันกับโควิด-19 อย่างปกติแล้ว
แต่จุดแตกต่างกันระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกงนั้น ฮ่องกงยังคงไม่เลือกใช้มาตรการการล็อกดาวน์แบบเด็ดขาดเหมือนแผ่นดินใหญ่ ก่อนที่หล่ำจะย้ำว่า รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ได้ทำการแทรกแซงการบริหารทางนโยบายของฮ่องกง ท่ามกลางความสงสัยของประชาชนที่รู้สึกว่า จีนแผ่นดินใหญ่กำลังขยายอำนาจของตนเข้ามายังฮ่องกงมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา: