วันที่ 1 ก.พ. ที่อาคารรัฐสภา กลุ่มตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนยื่นรายชื่อผู้ริเริ่มเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน นำโดย ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จาก iLaw และ ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข จากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีเลขานุการรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นตัวแทนรับหนังสือ
โดยเครือข่ายเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน เพื่อยุติการดำเนินคดีจากการแสดงออกและการชุมนุมทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาและออกบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยใช้กระบวนการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 133 (3) และพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย 2564 ซึ่งต้องใช้รายชื่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10,000 รายชื่อ โดยจะเริ่มเดินหน้ารวบรวมรายชื่อประชาชน รวมถึงดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ตลอดสองสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1-14 ก.พ. 2567
ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ที่กำลังรณรงค์ให้ประชาชนเข้าชื่อเพื่อเสนอให้รัฐสภาพิจารณาต่อไปนั้น จะเริ่มนับเวลาการนิรโทษกรรมตั้งแต่การรัฐประหาร 2549 ทุกการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมืองจะเข้าข่ายการได้รับนิรโทษกรรมทั้งสิ้น
ในร่างมาตรา 5 ยังระบุไว้ว่าความผิดฐานใดบ้างที่จะได้รับการนิรโทษกรรมในทันที เช่น
• คดีความผิดตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
• คดีพลเรือนที่ถูกดำเนินคดีในศาลทหารตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 37/2557 และ 38/2557
• คดีตามฐานความผิดในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
• คดีตามฐานความผิดในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
• คดีตามฐานความผิดในพระราชบัญญัติออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559
• คดีตามฐานความผิดที่เกี่ยวโยงกับข้อดังกล่าวด้านบน
อย่างไรก็ตาม ตามมาตรา 4 ของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ระบุไว้ว่าจะยกเว้นไม่นิรโทษกรรมให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐที่สลายการชุมนุมหรือกระทำการใดที่เกินกว่าเหตุ หรือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 (ความผิดฐานเป็นกบฏ ความผิดฐานล้มล้างรัฐธรรมนูญ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการ)
นอกจากนี้เพื่อเดินหน้าให้การนิรโทษกรรมเป็นได้ใช้กลไกตามระบอบประชาธิปไตย ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ยังกำหนดให้ตั้ง 'คณะกรรมการนิรโทษกรรมประชาชน' เพื่อเป็นกลไกในการนิรโทษกรรม โดยมีสมาชิกในคณะกรรมการดังกล่าว 19 คน ประกอบไปด้วย
• ประธานสภาผู้แทนราษฎร (ประธานคณะกรรมการ)
• ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
• ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล
• สส. 10 คนตามสัดส่วนของพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร
• ตัวแทนประชาชนผู้ถูกดำเนินคดีจากสี่เหตุการณ์ คือ การรัฐประหาร 2549, การชุมนุมช่วงปี 2552-2553, ช่วงการรัฐประหาร 2557-2568 และการชุมนุมช่วงปี 2563-2566 เหตุการณ์ละหนึ่งคน
• องค์กรภาคประชาชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการค้นหาความจริงและอำนวยความยุติธรรมสองคน
ทั้งนี้คณะกรรมการชุดดังกล่าวยังมีหน้าที่สำคัญในการพิจารณาว่า นอกจากคดีที่ได้รับการนิรโทษกรรมตามมาตรา 5 หากคณะกรรมการเห็นว่าเป็นคดีที่เข้าข่ายเป็นการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือแสดงออกทางการเมือง ก็สามารถวินิจฉัยให้นิรโทษกรรมได้ และยังเปิดโอกาสให้บุคคลผู้กระทำการนั้น หรือสามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้ซึ่งอยู่กันกันฉันสามีกริยาซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้อุปการะและผู้อยู่ในอุปการะของบุคคลผู้กระทำการนั้น ยื่นคำร้องเสนอให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวพิจารณาในกรณีที่เห็นว่าคดีของคนอาจตกหล่นไป
หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาและได้บังคับใช้ จะส่งผลให้คดีที่เข้าข่ายนิรโทษกรรมตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือคดีที่ผ่านการวินิจฉัยจากคณะกรรมการจะถูกยุติลง คดีใดยังไม่ฟ้อง จะต้องระงับการสอบสวนหรือระงับฟ้อง คดีใดฟ้องแล้ว ให้ถอนฟ้องหรือระงับฟ้อง คดีใดอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล ให้ศาลยกฟ้องหรือจำหน่ายคดี คดีใดอยู่ในระหว่างการรับโทษ ให้โทษนั้นถึงที่สุดและปล่อยตัวผู้นั้นทันที
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการลบประวัติอาชญากรรมของผู้ที่เข้าข่ายนิรโทษกรรมทั้งหมด หลังจากนั้นคณะกรรมการจะต้องจัดทำรายงานเพื่อเสนอมาตราการเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบภายหลังจากการนิรโทษกรรม
ยิ่งชีพ ยังเผยว่า ได้จัดกิจกรรมเพื่ออยากให้ทุกคนร่วมกันส่งเสียงเรื่องนี้ในเทศกาลแห่งความรักนี้ 1-14 ก.พ. 2567 โดยจะมีกิจกรรมต่อเนื่องทั้ง 14 วัน ทั้งงานเสวนาวิชาการ งานศิลปะ งานสร้างสรรค์ ใครชอบแบบไหนและเห็นความสำคัญของการนิรโทษกรรมประชาชนด้วยกันก็ขอให้เลือกไปร่วมงานกันเอง เพื่อส่งร่างนี้เข้าสภาและไปให้ไกลที่สุดเพื่อคนที่อยู่ในเรือนจำและอาจจะต้องเข้าเรือนจำในไม่กี่วันข้างหน้า โดยพวกเราเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะเป็นอีกครั้งที่เราจะได้เห็นการการรวมพลังของประชาชนที่มีความหมายอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน ประกายดาว กล่าวว่า ในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของแคมเปญนี้ จะจัดงานส่งรายชื่อให้ถึงสภา โดยขออนุญาตใช้พื้นที่ที่ลานประชาชน และจะขอเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคมารับข้อเสนอของประชาชนด้วย บ่ายวันนี้จะไปยื่นหนังสือเชิญให้กับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล และวันต่อๆ ไปก็จะไปยื่นหนังสือเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ เราอยากเจอทุกคนโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอยู่ตอนนี้ เป็นพรรคที่ล้มลุกคลุกคลานกับเส้นทางต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาสองทศวรรษ สส. ของพรรค และประชาชนที่สนับสนุนพรรคต่างถูกจับกุมคุมขังด้วยคดีทางการเมืองเป็นร้อยเป็นพันคน รวมทั้งยังไม่ได้กลับบ้าน ก็หวังว่าจะได้พบ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่หน้าสภาวันที่ 14 เพื่อมารับร่างนี้จากประชาชน