วันที่ 12 ก.ค. 2566 วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายด้านสิทธิมนุษยชน และเลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ระบุว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงปี 2553 ที่ผ่านมา มีกระบวนการที่ทำให้เห็นว่า ไม่สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้เนื่องจากมีกระบวนการทั้งศาล และป.ป.ช.เข้ามา โดย 2 ส่วนนี้ทำให้ญาติของผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเขารอคำตอบอยู่ เนื่องจากการสลายการชุมนุมปี 2553 เกิดจากการสั่งการ หรือการอนุมัติให้ใช้กองกำลังของกองทัพซึ่งเป็นทหาร เมื่อทหารได้รับมอบหมายและได้นำกำลังพล รวมทั้งอาวุธสงคราม โดยเฉพาะอาวุธปืนประจำกายที่บรรจุกระสุนปืนจริงมาใช้แก้ไขปัญหา ย่อมทำให้มีสถานการณ์ทั้งเฉพาะหน้า และสถานการณ์ที่จงใจทำให้เกิดการบาดเจ็บและล้มตายของประชาชนเกิดขึ้น ทั้งนี้ สิ่งที่พูดมีหลักฐานยืนยันได้จากการไต่สวนการตายของผู้ที่เสียชีวิตในการชุมนุม ทั้งจากศาลอาญา และศาลอาญากรุงเทพใต้ ทั้ง 2 ศาลได้มีการไต่สวน และชี้ว่าเป็นการตายที่เกิดจากกระสุนความเร็วสูงซึ่งมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดยกระสุนดังกล่าวมีขนาด .223 หรือ 5.56 มิลิเมตร ซึ่งไม่ใช่กระสุนที่พลเรือน หรือประชาชนทั่วไปจะใช้ได้ และใช้อยู่ในวงราชการทหารเท่านั้น ยิ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำ และชี้ชัดว่า อาวุธที่ทหารนำมาใช้จัดการกับสถานการณ์นั้นเกินสมควรกว่าเหตุ
ดังนั้นเมื่อเกินกว่าเหตุเช่นนี้ การดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของประชาชนกลางกรุงฯกว่า 99 ศพ และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน จึงสะดุดอยู่เท่านี้ นี่คือคำถามของญาติ และผู้ที่เฝ้าติดตาม เมื่อเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ เพราะกระบวนการยุติธรรม หรือกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้โปร่งใส และไม่ได้ทำให้เรื่องนี้ได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง มาสะดุดอยู่ที่ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษไม่มีอำนาจในการสอบสวน
วิญญัติ ระบุว่า อย่างกรณีคดีของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ถูกตัดสินว่าการดำเนินการสอบสวนเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซ้ำยังถูก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งให้ใช้ทหารไปจัดการฟ้องกลับ คำถามมากมายจึงเกิดขึ้นกับคนในสังคม และทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า เหตุใดคนที่เป็นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่ถูกกล่าวหา หรือถูกมองว่าเป็นผู้มีส่วนฆาตกรรมประชาชนกลับถูกดำเนินคดี และติดคุกเสียเอง แต่อีกฝั่งที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกับการใช้กำลังทหาร จนทำให้ประชาชนบาดเจ็บ ล้มตาย กลับไม่ถูกดำเนินคดีอย่างเต็มรูปแบบและตรงไปตรงมา
“เรื่องนี้ควรได้รับการสะสางอย่างเป็นรูปธรรม และโปร่งใสจริงๆหรือไม่ ตนคาดหวังว่า กระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใหม่ หรือฝ่ายนิติบัญญัติที่เข้ามาใหม่ก็ตาม ควรหาช่อง หรือวิธีการในการตั้งคณะทำงาน หรือคณะกรรมการใดๆก็ตามมาตรวจสอบ ไต่สวน และพิจารณาคดีนี้อีกครั้ง”