นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะประธานคณะกรรมการ การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังประชุม เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ว่า หลังจากนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องการให้ลดค่าโดยสารตลอดทั้งวัน ไม่มีช่วงนอกเวลาเร่งด่วน (ออฟพีค) เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์แท้จริง โดยจะมีการเสนอและเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 17 ธ.ค. นี้

ที่ประชุมบอร์ด รฟม. ปรับแผนลดค่าโดยสารใหม่ เป็นการลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงตลอดทั้งวัน เหลือ 20 บาทตลอดสาย จากเดิมราคาสูงสุด 42 บาท ลดลง 22 บาท คิดเป็นร้อยละ 52 เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 25 ธ.ค.2561 - 31 มี.ค.2563 โดยใช้ได้ทั้งบัตรโดยสารประเภทบุคคลทั่วไป รวมถึงผู้ซื้อเหรียญโดยสาร (Token)

สำหรับการปรับลดราคาสายสีม่วง จากการศึกษาเบื้องต้นประเมินว่า จะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.8 จากที่ปัจจุบันเฉลี่ยวันละ 60,000 คน

ขณะที่ผลการลดราคาดังกล่าว จากการประเมินตัวเลขเบื้องต้นจะทำให้รายได้ รฟม. ที่บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BEM) จะต้องเก็บและนำส่งให้ รฟม.ลดลงเฉลี่ยเดือนละ 15 ล้านบาท

การศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ระบุว่าการปรับลดราคาครั้งนี้จะส่งผลให้มีประโยชน์ด้านคมนาคมขนส่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 38 ล้านบาท 5 ด้าน คือ ลดค่าใช้จ่ายจากการใช้รถส่วนตัว ลดเวลาเดินทาง ลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ ลดการสูญเสียทางสิ่งแวดล้อม และความสุขของประชาชนผู้เดินทาง

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. ระบุว่า ค่าโดยสารที่จะเก็บได้ลดลงราว 15 ล้านบาทต่อเดือนนั้น จะไม่กระทบกับงบประมาณภาครัฐเพราะ รฟม.จะเป็นผู้อุดหนุนโดยใช้รายได้และกำไรของงานบริหารรถไฟฟ้าที่มีรายได้ปีละ 3,500 ล้านบาท