ไม่พบผลการค้นหา
หลังเฟส 5 ผ่อนปรนให้ธุรกิจอาบอบนวดกลับมาเปิดให้บริการได้ วันแรกมีกระแสข่าวว่า บางร้านลูกค้าต้องต่อคิวเพื่อรอใช้บริการ ผู้คร่ำหวอดในวงการนี้มีคำอธิบายว่าแท้จริงแล้วสถานการณ์ธุรกิจนี้ เป็นขาขึ้นของนางงามตู้กระจกหรือธุรกิจเฟื่องฟูหลังโควิด-19 รอประเมินสองสัปดาห์วัดว่าธุรกิจไปรอดหรือไม่

"ร้านซายูริ" อาบ-อบ-นวด ชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นข่าวที่ทำให้ทุกคนหันมาสนใจ เนื่องจากเปิดให้บริการวันแรกต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา หลังรัฐบาลคลายล็อคเฟส 5 ปรากฎว่ามีลูกค้ามาใช้บริการจนสาวๆ ในร้านหมด ทำให้ต้องรอต่อคิวใช้บริการ ท่ามกลางมาตรการเข้มในการป้องกันโควิด-19

ซึ่งนายสมศักดิ์ ชัยเขต ผู้จัดการร้าน บอกว่า หลังปิดมานานกว่า 3 เดือน ลูกค้าทยอยมาใช้บริการ แต่พนักงานมาทำงานวันแรกน้อยเพียง 15คน ทำให้ไม่พอกับการให้บริการ  

1438883.jpg

ด้าน มิ้ว ณ ชมวิว อดีตหญิงที่อยู่ในวงการอาบอบนวดมานานร่วมสองทศวรรษ มองข่าวที่เกิดขึ้นว่า จริงๆ แล้วเท่าที่ตรวจดูหลายร้านและคนที่ยังทำงานอยู่ ลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมากจริง แต่ถ้าเทียบกับสถานการณ์ปกติ ถือว่าไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะเด็กเข้างานน้อยมากมาไม่ถึงร้อยละ 30 ซึ่งเห็นข่าวครั้งแรกยังแปลกใจว่าทำไมที่เชียงใหม่ถึงมีคนมาใช้บริการจนเกลี้ยงตู้ ในสถานการณ์นี้เชื่อว่าเด็กยังมีความกลัวกันอยู่ เพราะโควิด-19 ติดกันง่าย บางคนจึงยังไม่มั่นใจ แม้การให้บริการเป็นแบบนิวนอร์มัล ลักษณะให้บริการอาจเปลี่ยนไปแค่ภายนอก เช่น การนั่งรอล็อบบี้ หรือ นั่งรอในตู้ ต้องนั่งห่าง ไม่มีการนั่งรอจิบเบียร์คุย แต่การให้บริการต้องยอมรับว่าเป็นการบริการแบบถึงเนื้อถึงตัวไม่สามารถปิดกั้นลูกค้าได้ หากให้กลับมาทำงานเต็มที่ คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง

เมื่อถามว่า มีผู้มาใช้บริการในวันแรกที่เปิดแสดงให้เห็นถึงอะไร มิ้ว บอกว่า ถ้าตามศัพท์ของเราคือ "เขาไม่มีที่ลง" ดังนั้นจึงออกมาปลดปล่อย ซึ่งอาบอบนวด เปิดให้บริการตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเที่ยงคืน จึงมีเวลาให้บริการยาวกว่าร้านเหล้าทั่วไป

เมื่อถามว่า หลังโควิด-19 ธุรกิจด้านนี้ จะเป็นอย่างไร มิ้ว บอกว่า ที่ผ่านมาลูกค้าและนักเที่ยวปรับตัวกันพอสมควร บางรายมีเบอร์เด็กอยู่แล้ว อาจโทรนัดกันเอง หรือ นัดผ่านเอเยนต์ไปเจอกันข้างนอก ซึ่งสามารถเลือกลูกค้าได้ แต่ถ้ามาร้านไม่สามารถเลือกลูกค้าได้เวลาขึ้นงาน แต่ที่สำคัญหลังจากนี้ไม่เกินสองสัปดาห์จะประเมินได้ว่าธุรกิจนี้ จะกลับมาเป็นปกติหรือไม่ แต่ถ้ามั่นใจแล้วทุกอย่างจะกลับมา

"อาชีพอย่างไรก็ต้องไปต่อ คนต้องกินต้องใช้ มันคืออาชีพหนึ่ง จะถูกจะผิดอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามองว่าเศรษฐกิจไม่ดี มันไม่ดีก่อนโควิด-19 อยู่แล้ว เด็กๆ หลายคนอาจเปลี่ยนอาชีพไปก่อน คนที่อยู่ได้หรือ หน้าใหม่เข้าวงการมาอาจจะขลุกขลักนิดหนึ่ง ซึ่งผลกระทบจากโควิด-19 ครั้งนี้ รุนแรงกว่าช่วงที่โรคเอดส์ระบาดเมื่อ 30 ปี เพราะติดง่ายกว่า ดังนั้นกลางเดือนนี้ก็รู้ว่าจะอยู่ได้หรือไม่ ร้านอยู่ไม่ได้คือ ไม่มีใครทำงาน แต่คิดว่าไม่มีใครคืนใบอนุญาตสถานประกอบการ มีแต่เปลี่ยนมือมากกว่า ซึ่งในกรุงเทพฯ กิจการอาบอบนวดมีมากที่สุด ต่างจังหวัดมีใบอนุญาตน้อยมาก ตัวแปรสำคัญอยู่ที่เด็กมากกว่า ถ้ามีเด็กอยู่ร้านลูกค้าก็จะตามกันมา ถ้าเด็กมาปกติเชื่อว่าธุรกิจไปได้" มิ้ว กล่าว

มิ้ว

มิ้ว ณ ชมวิว