ที่รัฐสภา ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร หรือ กมธ.ปราบโกง กรณีได้รับคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายโดนปลดออกจากราชการ หลังจากได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือ ก.พ.ค. แล้ว ไม่คืบหน้าจากการที่ ก.พ.ค.ไม่มีมติผลการวินิจฉัยหรือคำสั่งใดๆออกมาและไม่ขยายเวลาพิจารณา ทำให้ตนเสียประโยชน์
ชัยวัฒน์ ตั้งคำถามด้วยว่า หาก ก.พ.ค. ไม่สามารถวินิจฉัยให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ซึ่งได้ล่วงเลยมาแล้ว ถือว่า ก.พ.ค.ได้เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเองด้วยหรือไม่
ชัยวัฒน์ ยืนยันว่า ไม่เคยเผาทำลายเพิงพักอาศัยของผู้ฟ้องคดี คือ คออี้ มีมิ หรือ "ปู่คออี้" ผู้นำทางจิตวิญญาณชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และชาวกะเหรี่ยงบ้าน "บางกลอย" และใจแผ่นดิน ในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กับพวกรวม 6 คนแต่อย่างใด ทั้งได้ส่งเอกสารให้สื่อมวลชน ระบุว่า ยังไม่มีพยานหลักฐานใดที่ชี้ชัดได้ว่าเพิงพักอาศัยของผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 อยู่บริเวณ "บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน" ตามคำกล่าวอ้างว่ามีอยู่จริงหรือไม่อย่างไรด้วย
แต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. กลับใช้เพียงคำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ ฯและกระทรวงทรัพย์พยากรณ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้ฟ้องตนโดยตรง มาชี้มูลความผิดตนให้ต้องโดนปลดออกจากราชการ ทั้งต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กรมอุทยานฯ เป็นจำนวนเงิน 300,987 บาทด้วย
ชัยวัฒน์ ยังเห็นว่า ป.ป.ท. ไม่มีอำนาจไต่สวนดังกล่าวและไม่มีสำนวนการไต่สวนใดๆ แต่มีมติชี้มูลตนในฐานความผิดตามมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ นั้น ป.ป.ท.อาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง เข้าข่าย กลั่นแกล้งให้บุคคล ก็ต้องรับโทษทางอาญาด้วย
ชัยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของหน่วยงานราชการ จึงมาขอความเป็นธรรมต่อ กมธ.ปราบโกง ให้ติดตามเร่งรัดการพิจารณาวินิจฉัยคำเพื่อให้ตนได้รับความเป็นธรรม
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่า จะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาตามขั้นตอนและบางส่วนได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้ ที่ประชุม กมธ.ปราบโกงลงมติ และหากจำเป็นต้องเรียกผู้ใดมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมก็จะเรียกมา แต่ก็เป็นเพียงประเด็นเล็กๆน้อยๆที่เหลืออยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หากพบการดำเนินการกับนายชัยวัฒน์ไม่ถูกต้องและต้องให้ ชัยวัฒน์กลับเข้ารับราชการดังเดิม ก็ดำเนินตามขั้นตอนต่อไป ส่วน ชัยวัฒน์ จะฟ้องร้องหรือฟ้องกลับผู้ใดหรือหน่วยงานใด ก็มีสิทธิ์ดำเนินการโดยส่วนตัวได้เช่นกัน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุด้วยว่า กมธ.ปราบโกง ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมาย มีอำนาจน้อยกว่าตำรวจด้วยซ้ำ แต่ก็จะทำความเห็นส่งไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่ต่อไป