คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า วันที่ 28 ต.ค.จะมีความชัดเจน เรื่องหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค เพื่อมาเป็นกลไกในการพัฒนาพรรค ซึ่งเป็นระยะเวลา ที่จะต้องดำเนินการตามกรอบเวลา พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย มีบุคลากรที่มีความพร้อม มีความสามารถที่จะทำงาน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่คิดนโยบาย และทำสำเร็จ มาแล้ว และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม โดยเฉพาะในขณะที่ประชาชนมีปัญหาจากเรื่องเศรษฐกิจสังคม สภาพจิตใจ
ส่วนกรณีที่มีชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า การอยู่ในบ้านหลังนี้ คิดเพียงการทำหน้าที่ช่วยเหลือพรรคช่วยส่วนรวม ดังนั้น หากทำอะไรได้ ใช้ความรู้ความสามารถที่มีได้ ในฐานะสมาชิกก็พร้อมเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่ง พร้อมทำงาน ร่วมกับคนที่มีความรู้ความสามารถกับบุคคลต่างๆในพรรค ดังนั้นจึงไม่ได้มีความปรารถนา ที่จะมีตำแหน่งใดๆแต่หวังเพียงจะเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่ง ในหลายๆตัวของพรรคเท่านั้น
คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย ผ่านการยึดติดกับตัวบุคคลไปแล้ว การทำงานเป็นเรื่องของความคาดหวังจากประชาชน ที่มีต่อนโยบายของพรรค มีต่อฝีมือการทำงานของคนในพรรคว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาให้ได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องขององค์กร เป็นเรื่องของสถาบันไม่ว่าใครจะขึ้นมาทำหน้าที่ จะสามารถเดินตามแนวนโยบาย และทำให้ประเทศไทยดีขึ้นได้
ขณะเดียวกันไม่ได้คาดหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิง แต่พร้อมจะช่วยทำงาน เท่าที่จะสามารถช่วยได้ พร้อมย้ำด้วยว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องยากลำบาก โดยเฉพาะการนำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
ส่วนกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะเป็นสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย ถือเป็นความปรารถนา ของตัวบุคคล ที่จะร่วมให้กำลังใจกัน โดยเฉพาะเส้นทางการเดินของพรรคเพื่อไทยที่ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะ การได้รับความเท่าเทียมเสมอภาคต่อการทำหน้าที่ ซึ่งถือเป็นกำลังใจของฝั่งประชาธิปไตย และไม่ใช่การครอบงำจากคนในตระกูลชินวัตร ขณะเดียวกันจะมีผลให้คนในฝั่งประชาธิปไตยกล้าตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยมากขึ้น
คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันไม่มีโอกาสที่จะร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในอนาคต เพราะจุดยืน ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย มีความแตกต่างกัน