พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวกับคณะเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ “เยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน ” รุ่นที่ 6 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยยืนยันว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาความสงบในพื้นที่ภาคใต้ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่มีนโยบายการใช้ความรุนแรง การแก้ปัญหาไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยการเมืองจากการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ต้องใช้การเมืองด้วยการพัฒนา พร้อมกับยึดแนวทางสงบสันติ ซึ่งความสงบจะเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสิ่งที่ส่วนตัวมีความกังวลใจ ทำให้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาจึงพยายามแก้ไขปัญหา โดยฝากให้เยาวชนยึดแนวทางตามหลักศาสนา ที่ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบ ไม่ได้สอนให้มีความขัดแย้ง และไม่ควรตกเป็นเหยื่ิอของความพยายามสร้างความขัดแย้งระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาอิสลามที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

นายกรัฐมนตรี ยังใช้โอกาสนี้ชี้แจงกรณีการรับลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งถูกสื่อมวลชนบางส่วน นำไปวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นการแบ่งคนในสังคม โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีแนวคิดดังกล่าว เพียงแต่เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น ส่วนคำกล่าวอ้างที่ระบุว่า คนจนติดคุก คนรวยไม่ติดคุกนั้น รัฐบาลมีกองทุนยุติธรรม สำหรับดูแลผู้มีรายได้น้อยกรณีที่ต้องคดีความ 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้เยาวชน ตระหนักว่าแม้ว่าประชาธิปไตยจะเป็นมติของเสียงส่วนใหญ่ แต่ผู้ที่จะมาทำหน้าที่รัฐบาล จะต้องดูแลเสียงส่วนน้อยด้วย นั่นหมายความว่า ต้องดูแลคนทั้งประเทศ ถึงแม้รัฐบาลนี้จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องดูแลคนทั้งประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต่อไปจะต้องทำได้ในแนวทางเดียวกันนี้ ส่วนการตรวจสอบจะต้องจริงจัง แม้ตนเองไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็ถูกตรวจสอบ ไม่ใช่ว่าไร้การตรวจสอบ

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังฝากให้เยาวชนใต้ไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งต้นปีหน้า ซึ่งทุกคนต้องพิจารณาให้ดี หากได้รัฐบาลที่ไม่ดีต้องโทษที่ตัวเองที่เป็นผู้เลือก ซึ่งประเทศนี้ไม่ใช่ของตนเองคนเดียว แต่เป็นของทุกคน โดยสิ่งที่ทำในวันนี้จะเกิดประโยชน์และตกอยู่กับทุกคนในอนาคต

อย่างไรก็ตามในช่วงที่เปิดให้มีการซักถาม เยาวชนหญิงคนหนึ่งได้ถามนายกรัฐมนตรีว่าเหนื่อยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหนื่อยบ้าง แต่ไม่ได้ต้องการให้ใครมารัก เพียงแค่ต้องการกำลังใจเท่านั้น

สำหรับโครงการนี้ จัดขึ้นโดยสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดี ของศาล และสิทธิและหน้าที่ของเด็กและเยาวชนตามกฎหมาย ให้แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคัดเลือกเยาวชนที่มีภูมิลำเนา และกำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ เทียบเท่า ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาของรัฐ หรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม หรือ สถาบันการศึกษาปอเนาะใน จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย เข้าร่วมโครงการจำนวน 120 คน