ที่โรงแรมราวดี จ.นครศรีธรรมราช พรรคไทยรักษาชาติ จัดประชุมเพื่อตั้งสาขาและเลือกกรรมการสาขาพรรค ลำดับที่ 4 ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มี ร.ท.ปรีชาพลพงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายสุธรรม แสงประทุม นายก่อแก้ว พิกุลทอง เข้าร่วมประชุม มีประชาชนจำนวนมากต้อนรับ

วาระสำคัญคือการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค หลังใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ที่ประชุม มีมติเลือก นายประชากร บริบูรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ สาขาจังหวัดนครศรีธรรมราช นายชัยวุฒิ แก้วอย่างดี เป็นรองหัวหน้าพรรค นายเกษม หงส์โอภาสเป็นเลขานุการ นายประจักษ์ ช่วยเอื้อเป็นรองเลขานุการ นายวีระฑูรณ์ สมเขาใหญ่ นายวิโรจน ์ชุมทอง นายพงศธร วิชชุไตรภพ นายวีระพงษ์ เสนเรือง เป็นกรรมการ นายอัมพร ยอดผกา เป็นนายทะเบียนพรรค นายณัฐวัฒน ์ฉลาดแฉลม เป็นโฆษกพรรค นายทองยศ บุปผะโผธิ์ เป็นเหรัญญิกพรรค

หลังเสร็จสิ้นการประชุม ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า มาพื้นที่ภาคใต้มีความอบอุ่น ประชาชนให้การต้อนรับ มีเสียงกลองยาว จนคิดว่าเป็นงานบวช ซึ่งคำขวัญของพรรคที่ว่า โลกก้าวไกลไทยต้องก้าวทัน พรรคไทยรักษาชาติจะเน้นยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนผ่านกลไกของเทคโนโลยี โดยรวบรวมความคิดของคนทุกรุ่น ทุกกลุ่ม เชื่อทุกคนสามารถเป็นคนรุ่นใหม่ได้ถ้าพร้อมรับสิ่งใหม่ๆ พร้อมยืนยันว่าพรรคไทยรักษาชาติ มีบุคลากรที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค ที่จะช่วยนำแนวคิดมาต่อยอดร่วมกัน

ร.ท.ปรีชาพล เห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคายาง ราคาปาล์มราคามะพร้าว หรือการแก้ไขปัญหาด้านการประมง รวมถึงการท่องเที่ยว ล้วนแต่มีปัญหา ซึ่งนอกจากจะต้องใช้กลไกในมิติทางกฎหมายแล้ว การพูดคุยกับต่างประเทศจะต้องดำเนินการควบคู่กันไป ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวพรรคไทยรักษาชาติ มั่นใจว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และพร้อมคืนศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ให้กับประชาชนทุกคน และพร้อมจะพบปะพี่น้องประชาชนในทุกเขต ทั้ง14 จังหวัดในภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกหลานของคน ปักษ์ใต้ โดยเฉพาะชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช 

ด้านนางสุนีย์ เหลืองวิจิตร ยืนยันว่าพรรคไทยรักษาชาติไม่ได้เป็นพรรครอง แต่พรรคไทยรักษาชาติมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ที่นั่งในพื้นที่ภาคใต้มาครอง จึงขอให้ทุกคนเดินหน้าไปพร้อมกัน

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า 4-5 ปีที่ผ่านมาปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ ผลผลิตการเกษตร ปัญหาประมงของชาวใต้ อยู่ในขั้นวิกฤต และจะต่อเนื่อง โดยไม่มีสัญญาณว่า จะได้รับการแก้ไข ซึ่งเป็นโอกาสของทุกพรรครวมถึงพรรคไทยรักษาชาติที่จะได้เสนอตัวให้พี่น้องชาวใต้พิจารณา และหากประชาชนเปิดใจให้โอกาส พรรคการเมืองที่สามารถทำงานได้จริงและเป็นรูปธรรมเข้าไปดูแลก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้

"พรรคไทยรักษาชาติเป็นพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ จึงตั้งใจที่จะทุ่มเทสุดความสามารถจะพยายามทำงานอย่างหนักที่สุด เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ความตั้งใจ ให้ประชาชนคนใต้ได้เห็น เราจึงยังไม่ประกาศ ที่นั่งส.ส.เพียงแต่หวังที่นั่งเล็กๆในหัวใจของประชาชน คนภาคใต้ ให้เราได้มีโอกาสทำงาน ให้เราได้มีโอกาสยืนหยัดในหลักการที่ถูกต้อง เอาประชาธิปไตยนำทาง เอานโยบายและผลงานที่สัมผัส จับต้องได้ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ให้กับพี่น้องประชาชน" นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ ยืนยันว่า พรรคไทยรักษาชาติ จะทำงานหนัก เพื่อให้ได้รับคะแนนสนับสนุน ซึ่งไม่สามารถประเมินได้ว่า จะได้คะแนนเท่าใด เพื่อแพ้หรือชนะ นำไปสู่การมุ่งหวังคะแนนส.ส. บัญชีรายชื่อ เพราะท้ายที่สุด ทุกพรรคการเมืองจะต้องทำเพื่อชัยชนะเพื่อคะแนนเสียงมากที่สุดในแต่ละเขต ดังนั้นพรรคปาร์ตี้ลิสต์ ที่มีการพูดถึงจึงไม่มีจริง การส่งผู้สมัครที่มีคุณภาพที่สุดลงสู้ในทุกเขตเลือกตั้ง และแกนนำของพรรคก็จะลงพื้นที่พูดคุยในทุกเขตเลือกตั้ง และคาดหวังว่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเขตเลือกตั้งทั้งหลาย

"วันนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าคนไทยพร้อมเปิดอ้อมกอดให้กันและกัน เพราะท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ได้ให้บทเรียนกับทุกคนว่า มีเพียงพลังของประชาชนเท่านั้น ที่สามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ แม้จะมีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง แต่ถ้ายืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยไม่มีใครที่จะลิดรอนอำนาจของประชาชนได้ จึงมั่นใจว่าพี่น้องคนใต้ ก็รู้สึกแบบเดียวกัน พรรคไทยรักษาชาติ น้อมรับทุกการตัดสินใจของประชาชนและจะทำให้ดียิ่งขึ้นในทุกการเลือกตั้ง เพื่อการยอมรับที่มากขึ้นต่อไป" นายณัฐวุฒิ กล่าว 

นายณัฐวุฒิ ระบุด้วยว่า พรรคไทยรักษาชาติพยายามเชิญชวน บุคคลเข้าร่วมงานทางการเมืองให้มากที่สุดและเห็นว่าหากจะมีเพื่อนอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไปร่วมงานกับพรรคฝ่ายผู้มีอำนาจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และไม่สามารถปฏิเสธสิ่งนี้ได้ ดังนั้นที่ออกไปก็ออกไป ที่เดินเข้ามาใหม่ก็มีอีกมาก แต่ไม่เชื่อว่าประชาชนจะยอมให้นักการเมืองทรยศต่อเจตนารมย์ได้ง่ายๆ ดังนั้นผมเชื่อว่าถ้าเรายืนหยัดบนหลักการที่ถูกต้องโอกาสยังเปิดอยู่สำหรับประชาชนเสมอ