ไม่พบผลการค้นหา
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 7 จังหวัด เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกด้าน ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. – 12 ก.ย. 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในพื้นที่ 20 จังหวัด โดยยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 7 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ นครนายก ปราจีนบุรี และเพชรบุรี รวม 33 อำเภอ 162 ตำบล 1,233 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 29,174 ครัวเรือน 80,966 คน

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พร้อมกำชับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ส่วนจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัยให้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัย ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยเชื่อมโยงการระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ส่วนการรับมือกับพายุโซนร้อน "บารีจัต" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ที่จะเคลื่อนผ่านเกาะฮ่องกงและเกาะไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 13-14 ก.ย. นี้ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้วันที่ 13 – 18 ก.ย. 2561 ทุกภาคจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร กองอำนวยการป้องกันและเบรรเทาสาธารณภัยกลางจึงได้สั่งการให้จังหวัดเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด