ไม่พบผลการค้นหา
หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าโซลาร์เซลล์และเครื่องซักผ้า ซึ่งถูกมองว่าเป็นการสกัดสินค้าจากจีน-เกาหลีใต้ 'แจ๊ค หม่า' นักธุรกิจชาวจีน จึงเตือนว่าอาจทำให้เกิดสงครามการค้าที่ยากจะยุติ พร้อมสนับสนุนทั่วโลกพัฒนาการศึกษา เพื่อสอนให้มนุษย์ฉลาดกว่าหุ่นยนต์

นายแจ๊ค หม่า มหาเศรษฐีชาวจีนและนักธุรกิจผู้ก่อตั้งบริษัทในเครือ 'อาลีบาบา' ตลาดสินค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ของโลก เป็นหนึ่งในตัวแทนภาคธุรกิจและภาครัฐกว่า 3,000 คนที่เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลก เวที World Economic Forum ครั้งที่ 48 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคม โดยนายหม่าเรียกร้องให้ผู้นำจากประเทศต่างๆ ต่อต้านนโยบายกีดกันการค้าและเศรษฐกิจ พร้อมย้ำว่า 'อย่าใช้การค้าเป็นอาวุธ'

หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สรายงานอ้างอิงคำกล่าวสุนทรพจน์ของหม่า ที่ระบุว่า "การค้าต้องเป็นหนทางในการยุติสงคราม ไม่ใช่สาเหตุ" โดยหม่ามองว่าการกีดกันทางการค้าจะกลายเป็นชนวนเหตุของสงครามการค้าระหว่างประเทศ แต่จะไม่มีใครได้ประโยชน์จากสงครามดังกล่าว เพราะสงครามการค้าจะเริ่มขึ้นได้อย่างง่ายดาย แต่การยุติสงครามทำได้ยากมาก

000_XG427.jpg

นอกจากนี้ หม่ายังแนะนำว่าประชาชนทั่วโลกต้องส่งเสริมด้านการศึกษา เพื่อให้ลูกหลานของเราแตกต่างจากหุ่นยนต์ ซึ่งเขามองว่าในอนาคต ภายในปี 2573 ตำแหน่งงานกว่า 800 ล้านตำแหน่งจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ ทั้งยังย้ำว่าครูจะต้องหยุดการสอนในรูปแบบเดิมๆ เพราะความรู้ในแบบ 200 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถทำให้เราแข่งขันกับหุ่นยนต์ได้

"การศึกษาเป็นเรื่องที่ท้าทายต่อศักยภาพของมนุษย์ ถ้าเราไม่เปลี่ยนแนวทางวิธีการสอนลูกหลานตั้งแต่วันนี้ อีก 30 ปีข้างหน้า เราจะประสบปัญหา เพราะหุ่นยนต์จะฉลาดกว่าเรา" 

หม่าระบุด้วยว่า รัฐบาลทุกประเทศต้องเพิ่มทักษะที่แตกต่างให้แก่ประชาชน ทั้งเรื่องกีฬา ดนตรี การวาดภาพและศิลปะ รวมไปถึงสอนสิ่งที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้ เช่น เรื่องค่านิยม ความเชื่อมั่น การคิดนอกกรอบ การทำงานเป็นทีม และการเอาใจใส่ผู้อื่น สิ่งเหล่านี้จะทำเรามีความแตกต่างจากหุ่นยนต์

Tech Feed: คลาวด์-เอไอ เทรนด์เทคโนโลยีมาแรงปี 2017

อย่างไรก็ตาม สุนทรพจน์ต่อต้านการกีดกันทางเศรษฐกิจและการค้าของหม่า ถูกสื่อมวลชนหลายสำนักตีความว่าเป็นการตอบโต้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งอนุมัติมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าและอุปกรณ์โซลาร์เซลล์จากต่างประเทศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทจีนและเกาหลีใต้มากที่สุด

หม่าไม่ใช่คนเดียวที่คัดค้านนโยบายของทรัมป์ เพราะนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศจุดยืนต่อต้านการกีดกันทางการค้าเช่นกัน โดยผู้นำทั้งสองคนระบุว่าจะต้องช่วยกันส่งเสริมความร่วมมือระดับพหุภาคี เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และกระจายผลประโยชน์ไปยังประเทศยากจนทั่วโลกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ขณะที่ สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR ออกแถลงการณ์ระบุว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องขึ้นอัตราภาษีสินค้าจากต่างประเทศ เพราะผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสินค้านำเข้า ทั้งยังตรวจพบเบาะแสว่ามีการทุ่มตลาดเกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการลงทุนในสหรัฐฯ ขณะที่ จีนเป็นผู้ผลิตสินค้าโซลาร์เซลล์ให้แก่ตลาดสหรัฐฯ มากกว่าร้อยละ 40 ของสินค้าทั้งหมด

ส่วนทรัมป์ให้สัมภาษณ์สื่อในสหรัฐฯ ก่อนเดินทางไปยังเมืองดาวอส ยืนยันว่า การกีดกันทางการค้าหรือการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ก่อนผู้อื่น ไม่ใช่การขัดขวางโลกาภิวัตน์แต่อย่างใด เพราะถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต โลกก็จะได้รับผลประโยชน์เช่นกัน 

อ่านเพิ่มเติม: