ไม่พบผลการค้นหา
แกนนำพรรคชาติพัฒนา ให้รัฐบาลสอบผ่านบริหารประเทศปี 63 มองการเมืองนอกสภาหากไม่ใช้ความรุนแรงเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย เชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจไม่กระทบเสถียรภาพ เหตุมีเสียงหนุนพอ

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงการเมืองปี 2564 ว่า เสถียรภาพการเมืองในสภาของรัฐบาล ถือว่าไม่มีปัญหา เพราะมีเสียงสนับสนุนมากกว่า 270 เสียง ส่วนการเมืองนอกสภาเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันเพื่อลดความขัดแย้ง หรือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำให้เสร็จโดยเร็วเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย และมองว่าการชุมนุมถ้าไม่ใช้รุนแรงเข้าไปตัดสินก็เป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตย แต่สิ่งสำคัญของการเมืองนอกสภา คือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาโควิด-19 

ส่วนการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์จะช่วยลดความขัดแย้งได้หรือไม่ สุวัจน์ กล่าวว่า ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร เวลาการมีกรรมการสมานฉันท์ก็แสดง ให้เห็นว่ามีพื้นที่ไปทุกฝ่ายได้พูดคุยกัน ส่วนตัวมองว่าสันติภาพเกิดจากการเจรจา และหากเปิดกว้าง เจรจากันให้มากให้มีการพูดคุย ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย หากไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็ได้ไอเดียใหม่ๆ


มั่นใจเอาอยู่ศึกซักฟอก

สุวัฒน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จะทำให้เสถียรภาพสั่นคลอนหรือไม่ นั้น ยังไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้เนื่องจากยังไม่ทราบประเด็นที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปราย และทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการชี้แจงของรัฐบาล ส่วนเสียงสนับสนุนไม่น่ามีปัญหาเพราะรัฐบาลคุมเสียงข้างมากอยู่แล้ว และหากประเมินการทำงานของรัฐบาลในปีที่ผ่านมาโดยภาพรวม ถือว่าแก้ไขปัญหาได้ดี ประคองตัวมาดี ถือว่าสอบผ่าน 

ส่วนสถานการณ์ โควิด-19 สุวัจน์เห็นว่าไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทยแต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ที่ผ่านมาไทยสามารถจัดการปัญหาได้ดี ก่อนที่จะเกิดเหตุในจังหวัดสมุทรสาคร ถือว่ารัฐบาลสามารถประคองสถานการณ์ได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ไม่ตื่นตระหนก รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข ปัญหาสร้างความเชื่อมั่นเพื่อไม่ให้กระทบกับเศรษฐกิจ และตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีน ปัญหาโควิด-19 จะยังไม่จบ และเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ


แนะแผนรับมือวิกฤตประเทศ

สุวัจน์ ยังกล่าวถึงตัวแปรสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศ คือ 1.การแก้ไขปัญหาโควิด-19ต้องเอาให้อยู่ 2.การเมืองต้องนิ่ง ต้องมีเสถียรภาพ การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีความชัดเจน มีกรอบเวลาที่แน่นอน รวมถึงทุกฝ่ายมีความจริงใจก็จะทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งได้ และ 3.การกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะเติบโตได้ 4 -5% สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวจากการใช้เม็ดเงิน

โดยเฉพาะการจัดซื้อวัคซีน และสิ่งสำคัญที่รัฐบาลจะต้องกระตุ้นคือเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะการจ้างงาน ทั้งนี้มองว่า สถานการณ์ทางการเงินของไทยยังอยู่ในวินัยการเงินการคลัง แต่หากสถานการณ์โควิด-19 รุนแรงขึ้น รัฐบาลควรปรับเพดาน หนี้สาธารณะให้มากกว่า 60% เพื่อไม่ให้กระทบกับวินัยการเงินการคลังและมีประสิทธิภาพในการใช้เงินคืน

สุวัจน์ ยังถือโอกาสอวยพรปีใหม่ นายกรัฐมนตรี โดยขอเป็นกำลังใจ นายกรัฐมนตรี ขอให้สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ในการแก้ไขปัญหาต่างๆให้ลุล่วง

อ่านเพิ่มเติม