นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย รายงานตัวที่กองบังคับการปราบปราม หลังได้รับหมายเรียก เป็นผู้ต้องหาที่ 9 ข้อหา ฝ่าฝืนประกาศ คสช. 57/2557 ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม, ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง, ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น และพระราชบัญญัติว่าด้วยการทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีการแถลงข่าวของแกนนำพรรคเพื่อไทยในโอกาสครบรอบ 4 ปีการรัฐประหาร ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ในวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา
นายศักดา ยืนยัน เป็นเพียงหนึ่งในผู้ยืนฟังการแถลงข่าว แต่กลับมีการระบุว่า เป็นแอดมินเพจ หรือผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง และการแถลงข่าวในวันนั้น เป็นการนั่งแถลงข่าวติชมการทำงานของรัฐบาล ครบรอบ 4 ปี ในอาคารส่วนตัว นั่งรวมกันไม่เกิน 5 คน ไม่น่าจะเข้าข่ายมั่วสุม หรือ ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. 3/2558
อีกทั้ง พรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองอื่นๆ ก็มีการแถลงข่าวแบบเดียวกัน เช่น กลุ่ม กปปส. ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แถลงข่าวประเด็นการเมือง และรวมตัวกันมากกว่า 5 คนชัดเจน แต่ คสช. กลับไม่ดำเนินการ
รวมทั้ง กรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก็มีแกนนำพรรคภูมิใจไทย รวมทั้งนายเนวิน ชิดชอบ ปราศรัยกับประชาชน ซึ่งถือเป็นการรวมตัวกันโดยมีจุดมุ่งหมายทางการเมืองอย่างชัดเจนเช่นกัน จึงตั้งข้อสังเกตว่า คสช. เลือกปฏิบัติเฉพาะคนของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
นอกจากนี้ ยังข้องใจว่า การแจ้งความของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ เพราะตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้อ 10 ควรมีหลักฐานเพียงพอก่อนออกหมายเรียก แต่ครั้งนี้ดูเหมือนออกหมายเรียกเร็วเกินไปในวันรุ่งขึ้นทันที และการระบุชื่อว่า นายศักดา เป็นแอดมินเพจพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง แสดงว่า ตำรวจยังรวบรวมหลักฐานไม่เพียงพอ อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทเพราะทำให้เสียหายเกิดความเข้าใจผิด
ขณะเดียวกัน เห็นว่า ขณะนี้ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง รัฐบาลควรผ่อนปรนหรือปลดล็อกให้ฝ่ายการเมืองเตรียมการเลือกตั้งได้แล้ว การทำเช่นนี้ไม่ถือเป็นแนวทางการปฏิรูปการเมืองอย่างที่รัฐบาลตั้งใจ