นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงานกล่าวว่า ตามที่กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีโดยเป้าใหญ่อยู่ที่ ครม. เศรษฐกิจ เนื่องจากการบริหารเศรษฐกิจ ของรัฐบาลน่าจะประสพความล้มเหลว ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก ทุกผลโพลบอกตรงกันหมดที่ระบุความล้มเหลวและอยากให้ปรับเปลี่ยน ครม. เศรษฐกิจ แต่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่ไม่แน่ใจว่าจะถูกปรับเปลี่ยนด้วยหรือไม่ เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงกับความล้มเหลวนี้ กลับบอกว่านโยบายเศรษฐกิจยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ก็น่าเป็นห่วงว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ การปรับ ครม. เพื่อให้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาแก้ไขเป็นเรื่องที่ควรทำและต้องทำ แต่หากนโยบายไม่ปรับเปลี่ยนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ โดยที่ผ่านมาประชาชนแทบนึกไม่ออกเลยว่าทีมเศรษฐกิจของนายสมคิดได้ทำอะไร นอกจากจะท่องว่าเศรษฐกิจฟื้นจากตัวเลขการขยายตัวที่ต่ำมาก ต่ำที่สุดในอาเซียน แม้แต่ในเอเซียรวมทั้ง อาเซียน จีน และ อินเดีย การเติบโตในปีนี้จะสูงถึง 6.4% แต่ นายสมคิด กลับดีใจและภูมิใจกับ 3-4% อีกทั้งรายได้กระจุกตัวอยู่กับคนบางกลุ่มเท่านั้น คนส่วนใหญ่ยังลำบากกันมาก พอมีคนออกมาท้วงติงเพื่อสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนก็หาว่าออกมาขย่ม
นอกจากนี้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจย่ำแย่โดยการเรียกคุมตัวคนวิจารณ์เศรษฐกิจ และ แก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำโดยการคุมตัวแกนนำสวนยาง ไม่น่าจะเป็นนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกทาง ล่าสุดนายสมคิดยังทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องเสียหน้าและเสียเครดิตซ้ำซ้อนติดกันถึงสองครั้งจากที่พลเอกประยุทธ์ประกาศเองว่านายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊คจะมาแล้วไม่ได้มา และพยายามแก้ตัวโดยการนำเรื่องอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจที่ดีขึ้น มาให้พลเอกประยุทธ์ประกาศว่า อันดับ 26 ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งที่ก่อนปฏิวัติอยู่ที่อันดับ 18 และมาตกต่ำหลังการปฏิวัติ ซึ่งหากเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีที่ประกาศผิดซ้ำซ้อนแบบนี้ คงจะไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีกแล้ว และคงต้องจัดการกับคนที่รับผิดชอบ ยิ่งพลเอกประยุทธ์หวังจะตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนตนเองกลับมาเป็นนายกฯต่อ ก็ยิ่งน่าจะศึกษาแนวทางปกติที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งประพฤติปฏิบัติ จะมาเรียกคุมตัวผู้ที่เห็นต่างไม่น่าจะทำได้แล้ว และจะพูดผิดซ้ำซ้อนเสียฟอร์มแบบนี้จะทำให้ความนิยมที่ตกต่ำอยู่แล้ว ยิ่งตกต่ำลงไปอีก แถมยังมาซ้ำเติมกับคำถาม 6 ข้อที่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับเครดิตของพลเอกประยุทธ์เลย
ดังนั้น หากพลเอกประยุทธ์ต้องการตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนตัวเองจริง ก็ต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ได้ และหากจะเปลี่ยนแต่ตัวบุคคลแต่ไม่เปลี่ยนแนวทางนโยบายก็ไม่น่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ดังนั้นควรหรือไม่ที่พลเอกประยุทธ์จะต้องปรับเปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่มักจะพูดสภาวะเศรษฐกิจสวนทางกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความนิยมไม่ให้ตกต่ำลงไปกว่านี้ ซึ่งจะทำให้หมดโอกาสที่จะกลับมาเป็นนายกฯได้อีก