เจเรมี ดักลาส ผู้แทนสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) กล่าวในการประชุมด้านยาเสพติดในกรุงเนปิดอว์ของเมียนมาว่า ยาบ้า (เมธแอมเฟตามีน) และยาไอซ์ (คริสตัล แอมเฟตามีน) ระบาดมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้จนอยู่ระดับที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากการปราบปรามแหล่งผลิตยาเสพติดถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากโรงงานผลิตยาบ้ามักอยู่ในพื้นที่ห่างไกล และยังสามารถโยกย้ายแหล่งผลิตได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
การประชุมนี้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการออกนโยบายยาเสพติดจากทั้งเมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนามและจีน เพื่อมาร่วมกันพิจาณาข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดในภูมิภาค อีกทั้งยังหารือกันเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด กระบวนการยุติธรรม สุขภาพ ยุทธศาสตร์และโครงการพัฒนาพลเมือง
แม้ปี 2018 จะผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน เจ้าหน้าที่ของออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียสามารถบุกจับและยึดยาบ้าที่ผลิตจากสามเหลี่ยมทองคำได้ในปริมาณมากกว่าที่สามารถยึดยาบ้าได้ในปี 2017 ทั้งปีแล้ว
UNODC ระบุว่า เดิมทีพื้นที่บริเวณพรมแดนไทย ลาว และเมียนมาหรือที่เรียกว่า สามเหลี่ยมทองคำเป็นบริเวณที่มีการผลิตยาเสพติดประเภทเฮโรอีนและฝิ่นมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อสถานการณ์ยาเสพติดในภูมิภาคเปลี่ยนไป การรับมือกับสถานการณ์ยาเสพติดก็ต้องตระหนักถึงความเป็นจริงที่รับไม่ยากก่อน และยอมรับวิธีใหม่ในการรับมือที่มีการวางยุทธศาสตร์ในระดับภูมิภาค
เถาจื้อเฉียง ที่ปรึกษา UNODC อธิบายว่า ปัจจุบัน ยาบ้าและเฮโรอีนมีมูลค่ามากถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ในตลาดยาเสพติดท้องถิ่น การร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพผ่านบันทึกความเข้าใจว่าด้วยกรอบความร่วมมือแม่โขง จึงเป็นเรื่องจำเป็น