โทชิมิทสึ โมเทกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Nikkei เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2564 ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจตัดสินใจยกเลิกการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาเมียนมาทั้งหมด แม้กระทั่งโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ หากสถานการณ์ในเมียนมายังไม่ดีขึ้น เป็นผลจากการที่รัฐบาลทหารเมียนมายังคงใช้กำลังปราบปรามผู้ต่อต้านการรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง
“เราไม่ต้องการทำแบบนั้นเลย แต่เราต้องระบุอย่างหนักแน่นว่า มันยากที่จะดำเนินการต่อไปภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ในฐานะประเทศที่สนับสนุนกระบวนการเป็นประชาธิปไตยของเมียนมาในหลายหนทาง และในฐานะเพื่อน เราต้องเป็นตัวแทนของประชาคมโลกและถ่ายทอดเจตนารมณ์ดังกล่าวอย่างชัดเจน” โมเทกิ กล่าว
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นถือเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของเมียนมา โดยในปีงบประมาณ 2019 รัฐบาลญี่ปุ่นได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาแก่เมียนมาเป็นจำนวนถึง 1.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 54,600 ล้านบาท
ปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำการตัดสินใจระงับการเจรจาโครงการความช่วยเหลือใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมดแล้ว เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการรัฐประหารและการใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงของกองทัพเมียนมา
อย่างไรก็ตาม หากญี่ปุ่นตัดสินใจระงับการช่วยเหลือทางการเงินแก่เมียนมาอย่างเต็มรูปแบบ จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นเริ่มให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแก่เมียนมาในปี 1954
สำหรับโครงการในเมียนมาที่ยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้ ประกอบด้วย ทางรถไฟเชื่อมระหว่างนครย่างกุ้งกับเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็น 2 เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ แม้ตอนนี้การก่อสร้างในบางส่วนจะหยุดชะงักลงเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นก็ตาม
ขณะเดียวกัน ผลจากการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงของรัฐบาลทหารเมียนมาทำให้ประชาชนเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 800 ราย และมีผู้ถูกจับกุมที่ยังถูกคุมขังอยู่กว่า 4,000 ราย นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ที่มา: Nikkei