ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย แฟนเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ว่า 'เสรีภาพที่ยิ่งใหญ่'
ศาลฎีกาตัดสินให้ทักษิณกลับไปติดคุก 1 ปี 'โดยไม่ถือว่าระยะเวลาที่เคยอยู่ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเป็นระยะเวลาในการคุมขัง' คนที่เคยติดคุกอย่างผม แม้ไม่เห็นด้วย แต่ย่อมต้องเชื่อฟัง เพราะเป็นศาลฎีกา ถึงแม้จะอยู่สุขสบายแค่ไหน คุกก็คือคุก จะได้กินหูฉลาม ได้นอนฟูก แต่มันก็คือคุกอยู่ดี หัวใจสำคัญที่สุดของการติดคุก คือ 'การจำกัดเสรีภาพ' อันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของมนุษย์ทุกคน
การที่คุณทักษิณอยู่โรงพยาบาลตำรวจมา 6 เดือน จึงถือว่า 'ไร้อิสรภาพ' เพราะไม่สามารถไปไหนได้ เมื่อศาลไม่นับให้ ก็กลายเป็นติดคุกฟรี อย่างผมถูกควบคุมตัวที่โรงพัก 3 วัน ราชทัณฑ์ยังนับเป็นวันคุมขัง นำไปตัดจำนวนวันต้องโทษลงได้ อันนี้ผมพูดตามความรู้สึกของคนคุกนะครับ
ความยุติธรรมที่ต้องวัดกันด้วย 'เสรีภาพ' คนไม่เคยติดอาจบอกว่า ไม่นาน แค่ 1 ปี เอง แต่สำหรับคนที่ติดคุกมาก่อนจะรู้ว่า เวลา 1 วัน ในคุก มันยาวนานกว่านอกคุกมาก เพราะเสรีภาพเขานับกันเป็นรายชั่วโมง โดยเฉพาะคนอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ปัจจุบันอายุ 76 ปี
การกลับมาโดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ยอมเดินไปศาล ต้องใส่ชุดนักโทษขึ้นรถย้ายเรือนจำ สำหรับบางคนอาจสะใจ แต่สำหรับผม ถือว่าต้องนับถือหัวใจ
ด้วยสถานการณ์ที่พลิกผัน อนุทินได้เป็นนายกฯ ขณะที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ติดคุก ผมจึงกลับคิดว่านี่เป็นการ 'พลิกวิกฤตอย่างแท้จริง' ของพรรคเพื่อไทย ภาวะการณ์ที่แม้แต่พรรคส้มยังป้อแป้กับอุดมการณ์ที่กลับไปกลับมา กับการโหวตที่สุดประหลาด 'เป็นฝ่ายค้านที่โหวตให้ไปเป็นรัฐบาลเพื่อยุบสภา' และพรรคภูมิใจไทยที่ไม่มีอะไรจะขายในทางการเมือง การติดคุกของทักษิณ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทย
คนไทยมีนิสัยอยู่อย่าง ไม่ชอบเห็นคนถูกรังแก