นายกฯแพทองธาร ขอบคุณเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่สนับสนุนแนวทางรัฐบาล ให้ความร่วมมือสนับสนุนการลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 พร้อมรับข้อเสนอสนับสนุนช่วยเหลือ เร่งหารือกับหน่วยงานพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความสมดุลในทุกมิติทั้งการค้าและมลภาวะ
วันนี้ (10 มิถุนายน พ.ศ. 2568) ณ บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายมนตรี คำพล ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยและคณะ เข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม
ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่อ้อย กล่าว ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ให้การส่งเสริมแนวทางการตัดอ้อยสด เพื่อสนับสนุนการลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมชื่นชมรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการเสนอแนวทางนโยบายที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของภาคการเกษตร
นายกรัฐมนตรี กล่าวกับตัวแทนเกษตรกรชาวไร่อ้อยเน้นย้ำว่า รัฐบาลตระหนักดีถึงความเสียสละและความร่วมมือของเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาเชิงสิ่งแวดล้อม และจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมยืนยันว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ที่จะต้องดำเนินการควบคู่กัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มอย่างรอบด้าน
โอกาสนี้ ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ได้เสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งเข้าโรงงานน้ำตาล จำนวน 3 ประเด็น ดังนี้
1. ขอรับเงินช่วยเหลือสำหรับอ้อยสดคุณภาพดี ในอัตราตันละ 120 บาท โดยให้โอนตรงเข้าบัญชีของเกษตรกรผู้ที่ตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาล ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติที่เคยใช้มาแล้วและมีประสิทธิภาพสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเลิกการเผาอ้อย ลดการปล่อยฝุ่นควันสู่สิ่งแวดล้อม
2. ให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือรูปแบบอื่น ๆ เช่น การรับซื้อใบอ้อยหรือการชดเชยค่าเครื่องมือเกษตรกรรม ให้เริ่มดำเนินการในฤดูกาลผลิตถัดไป และต้องประกาศให้เกษตรกรได้รับทราบก่อนฤดูการผลิตจะเริ่มต้น เพื่อให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกและลงทุนได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด
3. เสนอให้รัฐบาลเร่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อให้ชาวไร่อ้อยสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว โดยอาจดำเนินการผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น การปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลภายในประเทศ แล้วนำส่วนต่างมาสนับสนุนกองทุนฯ หรือการนำใบอ้อยไปผลิตไฟฟ้า หรือส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีอ้อยเป็นวัตถุดิบให้มากขึ้น ซึ่งควรดำเนินการอย่างจริงจังและเร่งด่วน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม