วันที่ 3 เม.ย. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) ในญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม ม.152 ของรัฐธรรมนูญ รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า ยินดีที่นายกรัฐมนตรีมานั่งร่วมฟังการอภิปราย รัฐบาลที่แล้วเกิดคดีออนไลน์ทั้งหมด 336,896 คดี สร้างความเสียหายมูลค่า 45,738 ล้านบาท ตัวเลขจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ส่วนรัฐบาลชุดนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-29 ก.พ. มี 21,506 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,493 ล้านบาท
รักชนก กล่าวว่า เป็นคำถามในใจว่า รัฐบาลทำอะไรอยู่ ตนขอตอบแทนรัฐบาลชุดนี้ว่า “เขาก็ทำบางอย่าง ไม่ได้นิ่งเฉย นายกฯ เพิ่งจะออกมาชี้นิ้วสั่งว่าต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ภายใน 30 วัน แต่ตนสงสัยว่านายกฯ รู้หรือยังว่าปัญหาจริงๆ อยู่ที่จุดไหน หรือสักแต่จะสั่งอย่างเดียว ถ้าไม่มีใครช่วยนายกฯ ทำข้อมูล ฝากเจ้าหน้าที่จดข้อมูลเหล่านี้ให้นายกฯ ด้วย จะได้ไม่ต้องเข้าหูซ้ายออกหูขวาไปเปล่าๆ”
กระบวนการแก้ไข มี 3 อย่าง คือ ปลายน้ำ ปิดบัญชีม้า และแลกเปลี่ยนบัญชีผ่านระบบ Central Fraud Registry (CFR) คือระบบ AOC 1441 ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงดีอีเอส ที่อายัดได้เพียง 5% กระบวนการต้องห่วยแตกขนาดไหนขนาดมีข้อมูลอยู่ในมือแต่ไม่สามารถจัดการอายัดบัญชีเหล่านี้ได้ บัญชีมา 95% กลับมาหลอกประชาชน รัฐบาลได้ พ.ร.ก.บัญชีม้า ให้หน่วยงานรัฐทำงานร่วมกัน แต่แค่อายัดบัญชี 5% ตัวเลขนี้ฟังแล้วน่าโมโห ที่แย่ไปกว่านี้ธนาคารก็รู้อยู่แก่ใจว่าบัญชีไหนเป็นบัญชีม้า เพราะธนาคารสามารถเห็นการจัดการยอดเงินทุกบัญชี ธนาคารยอมรับว่าดูออกแต่ไม่มีมาตรการป้องกัน ทุกวันนี้ธนาคารลอยตัวเหนือปัญหา
“ตนเห็นนายกฯ กระตุกแบงค์ชาติในการลดดอกเบี้ยหลายครั้ง แต่มาตรการในการจัดการบัญชีม้าหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่เคยเห็นออกจากปากจากนายกฯ คุยกับแบงค์ชาติ อยากแนะนำนายกฯ ถึงท่านจะไม่มีที่ยืนในพรรคเพื่อไทย แต่ท่านสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ อย่างน้อยท่านอาจจะได้ยืนอยู่ในใจของประชาชน“
ส่วนกระบวนการกลางน้ำ หรือ AOC 1441 เป็นระบบรับแจ้ง คดีหลอกลวงออนไลน์ รัฐมนตรีกระทรวงดีอีก็เคลมว่าเป็นวันสต็อปเซอร์วิส อาทิตย์ที่แล้วมาตอบกระทู้ในสภา ก็ยังเคลมว่าเป็นวันสต็อปเซอร์วิส ขี้โม้! ประชาชนโทรจะระงับบัญชีม้า แต่มีขั้นตอนยุ่งยาก ผู้เสียหายต้องแบกสังขารไปที่สถานีตำรวจ ต้องเจอกับกระบวนการที่น่าหงุดหงิด โดนไล่กลับ นี่เป็นคำถามจากใจผู้เสียหาย ทำไมท่านไม่ทำให้เป็นวันสต็อปเซอร์วิสจริงๆ ”ท่านควรจะเค้นสมองและคิดออกมาให้ได้ ควรจะทำให้ง่ายกับประชาชน แต่ทำให้ยากกับโจร“
”นายกฯ ที่ออกไปตะแล็ดแต๊ดแต๊อยู่ต่างประเทศบ่อยๆ มีใครรายงานตามไปหรือยัง รัฐมนตรีกระทรวงดีอีได้เข้ากระทรวงบ้างหรือไม่ ปิดบัญชีม้าได้น้อยแบบนี้จะต้องมีอะไรผิดพลาด หรือต้องรอให้เกิดเหตุกับท่านก่อน ถึงจะรับแจ้งความ ต้องรอให้โดนหลอกหมดตัวถึงจะปิดได้เบอร์หนึ่ง”
รักชนก กล่าวอีกว่า กระทรวงดีอี กับ กสทช. ต้องหามาตรการจัดการร่วมกัน ล่าสุดลากสายไปประเทศเพื่อนบ้านให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ได้ใช้เน็ต นี่คือภัยความมั่นคงของจริง กสทช. ทุกวันนี้มัวแต่ทะเลาะกันแย่งผลประโยชน์
ส่วนกระบวนการต้นน้ำ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังเชื่อมโยงกับกระบวนการค้ามนุษย์ เหยื่อถูกหลอกให้ไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย บังคับให้ใช้ยาเสพติด เพื่อบังคับให้ทำงาน กระบวนการเหล่านี้เกิดที่ตะเข็บชายแดนบ้านเรา ดิฉันไม่เชื่อว่าตำรวจจะไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เพราะนักข่าวยังรู้ทำข่าวได้ ไม่รู้ก็แย่ แต่ที่แย่กว่านั้นรู้แต่ไม่หามาตรการจัดการหรือป้องกัน “ผู้นำประเทศพม่าก็เพื่อนรัก พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนผู้นำกัมพูชาก็เพื่อนรักนายทักษิณ ไม่คิดจะหามาตรการช่วยป้องกัน ไหนบอกนายกฯ จะไปขอคำแนะนำจาก ทักษิณ แนะนำกันไปไปถึงไหนแล้ว นายกฯ จะได้มีผลงานที่จับต้องได้ทั้งแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์
ทั้งนี้ การรั่วไหลข้อมูลที่เกิดขึ้นคนในของภาครัฐ รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบ ต้องเลิกแถและหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ นี่คือความบกพร่องในการจัดการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกวันนี้ยิ้มเพราะข้อมูลที่หลุดจากภาครัฐช่วยได้เยอะ หลอกคนได้ง่ายขึ้น ดิฉันไม่อยากจะต่อว่าเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงาน หัวหน้าสั่งอะไรก็ต้องทำตาม แต่ปัญหาคือถ้าหัวหน้าของพวกเขา นายกฯ ต้องค้นสมองออกมา อย่าชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว ตนไม่ได้จะบอกว่าท่านไร้ความสามารถแล้วก็จากไป
ดังนั้น นายกฯ ต้องตั้งเป้าว่าต้องอายัดให้ได้ทุกบัญชี ทุกแถว ธนาคารต้องทำให้โจรทำงานยากขึ้น รอบหน้าถ้านายกฯ จะพบผู้ว่าฯแบงค์ชาติ พูดเรื่องนี้ยังไงก็ได้แต้ม รับรองไม่ดูเสล่อเหมือนเรื่องลดดอกเบี้ย และรัฐมนตรีกระทรวงดีอี ต้องสานฝันในการทำ AOC 1441 เป็นวันสต็อปเซอร์วิสที่แท้จริง ให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ดำเนินคดีผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด ส่วนการปิดเบอร์ม้า หรือการแก้ไขปัญหา SMS หลอกลวง เสนอให้ ครม. ยื่นร่างแก้ไข พ.ร.บ.กสทช. ให้สภาปลดพวกไร้ประสิทธิภาพใน กสทช. อยู่กันไปวันๆ แบบนี้เปลืองภาษี ทำงานห่วย ควบคุมจัดการอะไรไม่ได้ ไปง้อไปก้มหัวให้
Cloud Policy นายกฯ เล่นใหญ่โตว่ามีนักลงทุนสนใจ แต่ทุกวันนี้เงียบกริบ ท่านอาจจะมองเห็นแค่เศรษฐกิจ แต่ระบบ Cloud Policy แก้ปัญหาข้อมูลหลุดจากภาครัฐได้ และทำให้ประหยัดลบงบประมาณได้ปีละหลายหมื่นล้าน เวลาหน่วยงานขอทำเซิร์ฟเวอร์ป้องกันไซเบอร์ สามารถทำได้ถ้านโยบายนี้สำเร็จ หากทำไม่เป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.กทม. พรรคก้าวไกล สามารถมาให้คำแนะนำปรึกษาแบบฟรีๆ
ดังนั้น หากต้องการแก้ไขปัญหานี้ต้องยก AOC ให้ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของ ปอท. ให้ตำรวจจัดการ แต่สิ่งที่ตำรวจสะท้อนกับตนคือ ตำรวจไทยทรัพยากรน้อย ทรัพยากรเงินก็ไม่พอ เวลาทำของงบประมาณที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีก็ถูกตัด แม้จะขึ้นตรงนายกฯ ท่านไม่เคยใส่ใจคุณภาพชีวิตของประชาชนหรือตำรวจ ไม่เคยใส่ใจงบประมาณภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่ไม่อำนาจ มีหน้าที่ ไม่มีงบประมาณทำ แต่หน่วยงานที่มีงบประมาณ ก็ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง
“ตนขอให้นายกฯ และรัฐมนตรีดีอี ผ่าตาดูข่าวของผู้ที่จบชีวิตยอมรับว่ามีอารมณ์ร่วม เพราะมีน้ำตา เลือดเนื้อชีวิตของผู้คนอยู่ในนั้นจริงๆ และขอยืนยันว่า นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดประมาทเลินเล่อส่วนบุคคล เพราะรัฐมีหน้าที่ในการดูแล สร้างความลำบากให้กับโจร และสร้างความปลอดภัยต่อชีวิต ทรัพย์สินให้กับประชาชน ตนขอเสนอมาตรการใช้ฟรี ถ้าสำเร็จก็เคลมไป ตนไม่หวง ถ้าแก้ปัญหาให้ประชาชนได้“