น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ม.ค. 2563 ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2562/2563 ในอัตรา 750 บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ 97.91 ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ 766.01 บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ 45 บาท ต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส.
พร้อมกับกำหนดผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2562/2563 เท่ากับ 321.43 บาทต่อตันอ้อย
ทั้งนี้ ราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตดังกล่าว เป็นระดับราคาที่โรงงานน้ำตาลชำระเงินค่าอ้อยให้กับชาวไร่อ้อยไปก่อน เพื่อให้ชาวไร่อ้อยนำไปใช้หมุนเวียนในการประกอบธุรกิจและสร้างรายได้ ซึ่งยังไม่ใช่ราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายฤดูการผลิตปี 2562/2563 ที่ชาวไร่อ้อยและโรงงานจะได้รับจริง โดยจะมีการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ซึ่งจะมีราคาและผลตอบแทนที่แท้จริงซึ่งจะได้เงินเพิ่มที่จ่ายให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยอีกส่วนหนึ่งด้วยเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ครั้งที่ 11/2562 เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2562/2563 ในอัตราอ้อยตันละ 750 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส อัตราขึ้นลง อยู่ที่ 45 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส
โดยระดับความหวานเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 12.51 ซี.ซี.เอส จะได้รับในอัตราตันละ 862.91 บาท ซึ่งได้ผ่านกระบวนการประชุมรับฟังความคิดเห็น (ประชาพิจารณ์) จากเกษตรกรชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ จะขึ้นประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบันราคาน้ำตาลตลาดโลกตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มการแกว่งตัวสูง ส่งผลให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับผลกระทบจากทั้งด้านราคาที่ตกต่ำและไม่คุ้มกับต้นทุนการปลูกอ้อยที่ตันละ 1,110 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :