เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 28 เม.ย.66 ที่บริเวณที่ว่างทางแยก 331 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยย่อย นำโดย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำพรรคภาคตะวันออก ร่วมด้วย นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 เบอร์ 3 และ นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 เบอร์ 5 รวมไปถึง นายคชาภา ตันเจริญ หรือ มดดำ พิธีกรชื่อดัง บุตรชายของนายสุชาติ ซึ่งเป็นสมาชิก และผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย โดยมีประชาชนในพื้นที่มารอรับฟังการปราศรัยอย่างคึกคัก
สุทิน กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า วันนี้อยากให้ประชาชนคิดดูว่า 4 ปีที่ผ่านมา ชีวิตของเราดีหรือไม่ พอใจกับชีวิตหรือไม่ ถ้าพอใจก็ให้คนเก่าเป็นต่อ แต่ถ้าคิดว่าไม่ไหวแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนคนใหม่ ถ้าไม่ยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ก็ต้องคิดอยากจะให้ใครเป็นนายกฯแทน ซึ่งตอนนี้ให้เลือก 2 มุม คือ มุมแดง เป็นนายกฯจากพรรคเพื่อไทย คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย กับมุมน้ำเงินคือ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อตัดสินใจเลือกนายกฯได้แล้วก็ต้องเลือก ส.ส.ที่มาจากพรรคนั้น
นอกจากนี้ยังมี อดิศร เพียงเกษ และพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ผลัดเปลี่ยนขึ้นไปปราศรัยถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทย อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรคพลัส ใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย,การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570, คนจบปริญญาตรี รวมถึง คนทำงานข้าราชการ ต้องได้เงินเดือน เริ่มต้น 25,000 บาท, การพักหนี้เกษตรกร ทั้งต้นและดอก 3 ปี, การเพิ่มรายได้เกษตรกร รวมไปถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะให้ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ นำไปจับจ่ายใช้สอยภายในชุมชนไม่เกิน 4 กิโลเมตรภายใน 6 เดือน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น
ช่วงหนึ่ง คชาภา ร่วมปราศรัยกล่าวถึงความผูกพันธ์ของตระกูลตันเจริญ ที่มีกับ จ.ฉะเชิงเทรา มาอย่างยาวนาน รวมทั้งขอฝาก นายพงศ์ศรัณย์ ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ศักดิ์ชาย บุตรชาย สุชาติ และเป็นน้องชายของ คชาภา ให้เข้าไปเป็นผู้แทนฯของคนแปดริ้วด้วย
ก่อนที่ สุชาติ กล่าวปราศรัยถึงบทบาทการทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในสมัยที่ผ่านมาว่า ตนเป็นคนเดียวที่กล้าตำหนินายกฯในสภาฯ เพราะรับไม่ได้กับการที่รัฐบาลหรือฝ่ายบริหารไม่ให้เกียรติฝ่ายนิติบัญญัติ โดยการที่นายกฯ หรือรัฐมนตรี มักขอเลื่อนการตอบกระทู้ถามที่ ส.ส.หรือผู้แทนราษฎรนำมาสอบถามแทนพี่น้องประชาชน รวมไปถึงไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯในวาระสำคัญๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทั้งสิ้น
สุชาติ กล่าวต่อว่า ตนเป็นผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งก่อน เพราะต้องการเอาคนจากรัฐประหารที่อยู่ในระบอบ คสช. 4 ปีก่อนหน้านั้นมาเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง เพราะสมัย คสช.บ้านอื่นเมืองอื่นเขาไม่คบค้าสมาคมด้วย นอกจากนี้ตนได้เขียนนโยบายเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน สปก. ซึ่งมีหลักคิดบังคับให้คนจนตลอดชาติ จึงพยายามเสนอให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสม นอกเหนือจากการบังคับให้ทำแต่การเกษตร แต่หลังการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยปล้นชัยชนะจาก พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ที่นั่ง ส.ส.เป็นอันดับ 1 ไป และเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งตนที่อยู่พรรคพลังประชารัฐขณะนั้นก็ร่วมเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไปด้วย แต่ผ่านมา 4 ปีในรัฐบาลประยุทธ์ นโยบายที่หาเสียงไว้ โดยเฉพาะ สปก.ที่ดินทองคำ ที่ตนเสนอ กลับไม่ได้รับการนำไปสู่การปฏิบัติเลย
“เหตุผลสำคัญที่ผมอยู่ พรรคพลังประชารัฐ ต่อไม่ได้ เพราะเขาไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ประชาชน ไม่เพียงเท่านั้น 8 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองลำบาก ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า จึงต้องการเปลี่ยน และพี่น้องประชาชนก็บอกผมว่า ต้องไปอยู่พรรคอื่น พรรคไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พรรครัฐบาลที่แล้ว อีกทั้งยังโดนลูกบังเกิดเกล้า (นายคชาภา) บังคับให้มาอยู่กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทย ก็ให้เกียรติผม มอบหมายให้ดูแลภาคกลาง และภาคตะวันออก” สุชาติ ระบุ
สุชาติ กล่าวต่อว่า วันที่ 14 พ.ค. 2566 หากพี่น้องประชาชนชาวแปดริ้วเลือกพรรคเพื่อไทย อย่างถล่มทลาย จะทำให้ชาวแปดริ้วมี ส.ส.ถึง 7 คน คือ ส.ส.เขตทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 3 คน คือ ตน, นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายสมชัย อัศวชัยโสภณ หรือเฮียเน้า ที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในลำดับที่ได้เป็น ส.ส.แน่นอน หากเป็นไปตามนี้ จ.ฉะเชิงเทรา มี ส.ส. 7 คนจริง ปัญหาของพี่น้องประชาชนจะได้รับการแก้ไข ความเจริญจะดียิ่งๆขึ้น เศรษฐกิจบ้านเราดีแน่ๆ จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงปัญหาที่ดิน สปก. และปัญหาช้างป่า ที่เป็นปัญหาสำคัญของ จ.ฉะเชิงเทรา และพื้นที่ใกล้เคียง ก็จะได้รับการแก้ไขด้วย
“ปัญหาช้างป่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ผมรับปากไว้เลย 2 ปี แก้ไขได้แน่นอน การเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องช่วยกันทำให้พรรคเพื่อไทยชนะแบบแลนด์สไลด์ เพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาล โดยไม่ต้องกลัว ส.ว. เพราะทุกพรรคการเมืองอยากเป็นรัฐบาลจะมารวมกับเรา” สุชาติ ระบุ