ไม่พบผลการค้นหา
'พลังงาน-กทม.' ผนึกกำลังดึงค่ายรถ ผู้ค้าน้ำมัน เร่งปัญหาลดฝุ่น PM2.5

18 ธ​ค. 2566 เวลา​ 13.00​ น.​ ชัชชาติ​ สิทธิพันธุ์​ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร​ ร่วมแถลงข่าวความร่วมมือเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จากยานยนต์​ โดยมีพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากค่ายรถยนต์และผู้ค้าน้ำมัน​ ร่วมแถลงข่าว​ ณ​ ห้อง Magic 3 ชั้น 2 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น​ เขตหลักสี่

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า​ เครื่องยนต์เก่าเป็นสิ่งที่ปล่อยฝุ่น​ PM2.5 สูง​ ซึ่งในกรุงเทพฯ​ มีรถยนต์เก่า​ รถกระบะเก่าที่มีอายุเกิน 7 ปี กว่า 1 ล้านคัน และมีรถยนต์ที่อายุเกิน 7 ปีกว่า 6 ล้านคัน ซึ่งรถเหล่านี้แม้จะไม่ปล่อยควันดำแต่ก็ยังปล่อยฝุ่นPM2.5 อยู่​ ที่ผ่านมา​กทม.ได้ทดสอบการปล่อยPM2.5 จากยานยนต์จำลองดีเซลยูโร 3 ที่ผ่านการตรวจควันดำแล้ว โดยได้ตั้งข้อสังเกตระหว่าง ยานยนต์ที่ไม่มีการบำรุงรักษาและยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่อง ทดสอบโดย sensors ตรวจวัดคุณภาพอากาศจากโครงการ AIRLAB Microsensors Challenge 2023 ในห้องขนาดพื้นที่ 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งผลการทดสอบพบว่า ยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่อง สามารถลดการปลดปล่อย PM2.5 ได้จริง ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์และไส้กรองอากาศตามเวลาหรือก่อนระยะเวลาที่กำหนด จะสามารถช่วยลดการปล่อย PM2.5 ได้ถึง 25% และช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้อีกด้วย และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่กระทรวงพลังงานได้ออกนโยบายปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 เป็น Euro5 เนื่องจากน้ำมัน Euro5 มีกำมะถันลดลงกว่า 5 เท่า จึงส่งผลให้ลดการปล่อย PM2.5 ในเครื่องยนต์ดีเซลได้กว่าร้อยละ 20 นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ยังดำเนินมาตรการลดฝุ่นจากต้นตออย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจวัดรถยนต์ควันดํา แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด เข้มงวดไซต์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น แต่ต้องไม่ลืมว่าเรามีรถในกรุงเทพฯ กว่า 6-7 ล้านคันที่ปล่อยควัน การติดขัดของการจราจรก็เป็นส่วนหนึ่งซึ่งต้องเข้มงวดเรื่องวินัยจราจร ถ้ารถแล่นได้เร็วขึ้น จอดแช่น้อยลง ก็จะปล่อยควันที่มี PM2.5 น้อยลง สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร​ กล่าวต่อด้วยว่า​ นอกจากนี้ ในก้าวต่อไปกทม.ยังต้องอาศัยความร่วมมือกับอีกหลายหน่วยงานนอกเหนือจากหน่วยงานในวันนี้​ อาทิ​ เจ้าหน้าที่ตำรวจ​ ในการควบคุมรถบรรทุกที่จะมาในเมือง​ ซึ่งในหลายประเทศได้ดำเนินการแล้ว​ โดยคาดว่าในอนาคตต้องมีการดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวแน่นอน แต่ในขณะนี้ในเบื้องต้นขอให้ทุกคนดูแลเครื่องยนต์รถของตนเองก่อน​ ซึ่งกทม.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามลดต้นทุนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการช่วยกันดูแลเครื่องยนต์ ของรถยนต์ และจะมีการมอบสติ๊กเกอร์ให้กับรถยนต์ที่ร่วมในโครงการนี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือแสดงถึงการมีส่วนร่วมในการลดมลพิษให้กับเมืองอีกด้วย​ นอกจากนี้กทม.ยังดำเนินการด้านต่างๆ​ ที่เกี่ยวข้องกับการลดฝุ่นPM 2.5 เนื่องจากปัญหาPM2.5 ส่งผลในภาคเศรษฐกิจ​เพราะมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต เช่น​ การเผาชีวมวลของเกษตรกรนั้นง่ายและมีต้นทุนต่ำกว่าการปฏิบัติตามมาตรการของทางภาครัฐ​ กทม.จึงช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการให้ใช้เครื่องบีบอัดฟางเพื่อนำไปจำหน่ายต่อได้ฟรีเพื่อลดต้นทุนในการกำจัดฟางบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ​ ฝั่งตะวันออก เป็นต้น

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร​ กล่าวถึงปัญหาฝุ่นPM 2.5 เพิ่มเติมว่า​ กทม.ยังมีการลดผลกระทบจากความเดือดร้อน ของฝุ่น PM 2.5 จากการปิ้งย่างอาหารในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ด้วย ซึ่งจากการร้องเรียนของประชาชนพบว่าบางพื้นที่ที่มีการปิ้งย่างอาหารจากหาบเร่แผงลอยจะมีค่าของฝุ่นPM 2.5 เพิ่มขึ้น ในจุดนี้จึงต้องมีการดูแลในเรื่องของสุขภาพผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับจุดปิ้งย่างอาหาร​ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปออกแบบเครื่องมือ ในการลด ฝุ่น PM 2.5 จากรถหาบเร่ที่มีการปิ้งย่างอาหาร เช่น​ ตัวครอบหรือพัดลมดูดอากาศ ไม่ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง​ และยังเป็นการช่วยให้ผู้ค้า หาบเร่ แผงลอย ที่มีรายได้น้อยอยู่แล้วไม่ต้องได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวอีกด้วย​ ซึ่งมาตรการของกทม.นั้นเมื่อเทียบกับต่างประเทศอาจยังไม่เข้มข้นเท่า​ เนื่องจากบางประเทศในช่วงที่มีปัญหากับฝุ่นPM 2.5 จะมีการห้ามไม่ให้ประชาชนปิ้งย่างในพื้นที่เมือง​ แสดงให้เห็นว่าปัญหาฝุ่นPM 2.5 เกิดขึ้นกับทุกประเทศ แต่กทม.เน้นในการช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับผลกระทบจากมาตรการต่างๆ น้อยที่สุด และครอบคลุมทุกด้านเพื่อดูแลประชาชนทุกกลุ่ม​ โดยในภาพรวมแล้วในปีนี้ กทม.มีความ.คืบหน้าในการแก้ปัญหามากขึ้นกว่าเดิม เช่น​ โรงเรียนต่างๆ มีการดำเนินการห้องปลอดฝุ่น​ Application ที่ใช้ตรวจวัดฝุ่นมีการพัฒนาและมีการคาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำขึ้น​ ความร่วมมือกับภาคเอกชนที่มากขึ้นในการร่วมกันตรวจสอบเครื่องยนต์ของรถขนส่งโดยมีเป้าหมายร่วมกันถึง​ 3 แสนคัน​ และในปีนี้เกิดความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ​ มากยิ่งขึ้นในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 นอกจากนี้ยังมีการสร้าง ความตระหนักรู้ในปัญหาดังกล่าวให้กับเด็กนักเรียนในกทม. ด้วยการแสดงธงสีต่างๆของค่าฝุ่นทุกวันในโรงเรียน จนส่งผลเป็นแรงบันดาลใจ ให้นักเรียน​ป.5 สามารถสร้างเครื่องกรองฝุ่น PM 2.5 ได้เองที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์​ เป็นต้น​ 

ทั้งนี้​ กรุงเทพมหานคร​ ร่วมมือ​กับ​ กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากค่ายรถยนต์และผู้ค้าน้ำมัน​ ดึง ค่ายรถยนต์และผู้ค้าน้ำมัน จัดโปรโมชั่นลดค่าบริการการตรวจสอบสภาพรถ ทั้งการเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ไส้กรองน้ำมัน ฯลฯ คาดสามารถลดฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ​ และทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจาก PM2.5 ดีขึ้น​ 

กระทรวงพลังงานได้กำหนดนโยบาย 3C เพื่อลมหายใจที่ดีกว่าเดิม ประกอบด้วย 1. Clean ยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ Euro5 2. Care ส่งเสริมการเข้าศูนย์บริการเพื่อดูแลเครื่องยนต์ 3. Change สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งในส่วนของการยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงสู่ Euro5 กระทรวงพลังงานได้วางแผนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประสานกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ปรับคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 ไป Euro5 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่เริ่มใช้ในหลายๆ ประเทศแล้ว และประเทศไทยก็เป็นประเทศแรกๆ ในกลุ่มอาเซียนที่จะใช้น้ำมัน Euro5 โดยเป็นมาตรการบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 

ในส่วนของ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการ “คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยบริษัทรถยนต์ ให้ส่วนลดค่าบำรุงรักษาเพื่อลดควันดำ อาทิ การตรวจสอบสภาพฟรี ส่วนลดน้ำมันเครื่อง ค่าแรง และค่าอะไหล่ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยเน้นสำหรับรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินที่หมดอายุรับประกัน โดยอายุรถยนต์ยิ่งมาก บริษัทจะให้ส่วนลดมากขึ้น เพื่อจูงใจให้ประชาชนที่มีรถยนต์เก่าเข้ามารับบริการบำรุงรักษาฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของรถยนต์ และลดผลกระทบที่จะทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งการดำเนินโครงการครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ซึ่ง 4 ครั้งที่ผ่านมา ภาคเอกชนได้ร่วมมือให้ส่วนลดค่าบำรุงรักษาเพื่อลดควันดำ ไปแล้วเกือบ 500,000 คัน ในการนี้ ขอเชิญชวนประชาชนทั่วไป เข้าร่วมโครงการฯ บำรุงรักษารถยนต์ โดยสามารถประสานได้ที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน เกี่ยวกับรายละเอียดส่วนลดและระยะเวลาโครงการฯ เนื่องจากแต่ละบริษัทให้การสนับสนุนที่แตกต่างกัน