ที่ห้องประชุมพรรคพลังประชารัฐ อาคารรัฐสภา ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณีผลการเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ที่พรรคพลังประชารัฐพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง ว่า เป็นเพียงการพ่ายแพ้เพียง 1 เขตจากทั้งหมดที่มี 400 เขต จึงไม่สามารถวัดได้ว่าคะแนนความนิยมตกลงหรือไม่ แม้จะแพ้ในการเลือกตั้งซ่อม พรรคพลังประชารัฐก็จะยังคงทำหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง และสำหรับเขตอื่นๆ ที่เหลืออยู่ พรรคพลังประชารัฐก็มั่นใจว่า จะเข้าไปอยู่ในใจของประชาชนได้แน่นอน 

สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐนั้น ตนเห็นว่าวิจารณ์กันมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคแล้ว พอๆ กับเรื่องการยุบสภา และก็คงจะวิจารณ์กันต่อไปเป็นปีที่สี่ ปัญหานั้นย่อมมีเป็นปกติแต่พรรคเราก็ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงอย่างที่มีผู้วิจารณ์ ตอนนี้ ส.ส. ทั้งหมดของพรรคก็ยังคงทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อรับใช้ประชาชนต่อไป พรรคการเมืองมีการแข่งขันกันก็จะมีการว่าร้ายพรรคคู่แข่งที่เขาคิดว่ามีความสามารถอยู่แล้ว แต่พรรคพลังประชารัฐเราไม่ทำอย่างนั้น เราเน้นการทำงานให้ประชาชนอย่างจริงจัง 

ในกรณีที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความว่า "ศัตรูของศัตรู คือมิตรของผมนั้น" ตนมองว่าเป็นการเล่นเกมการเมือง ไม่ได้มีสาระที่ต้องใส่ใจ เพราะทางพรรคฯ มีงานตั้งเยอะที่ต้องทำ ส.ส. ก็ต้องดูแลประชาชน 

"ส่วนผู้ที่เรียกร้องให้มีการยุบสภานั้น ผมเห็นใจว่าเขาเรียกร้องมาตั้งแต่ปีแรกแล้ว กลัวว่าท่านจะอึดอัดจนทนไม่ไหว แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็ลาออกไปได้" ไพบูลย์ กล่าว 

ส่วนกรณีที่มีเครือข่ายภาคประชาชนเข้ามายื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการยุบพรรค สืบเนื่องจากการส่งรายชื่อ สิระ เจนจาคะ เข้าเป็น ส.ส. ทั้งที่คุณสมบัติไม่ตรงนั้น ตนได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว พบว่าไม่มีข้อผูกมัดใดเกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรคที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้เลย ตนจึงไม่มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะการตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. นั้น ทาง กกต. ก็ได้ร่วมตรวจสอบด้วย และให้การรับรองแล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร