ไม่พบผลการค้นหา
กรมอนามัย ย้ำ การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยยังมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน  เมื่อต้องออกนอกบ้าน เนื่องจากในช่วงที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด 19 และในพื้นที่เสี่ยงที่มีปริมาณค่าฝุ่น PM 2.5 สูง ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมและถูกวิธี

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ประชาชนยังคงต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องออกนอกบ้านและไปในพื้นที่สาธารณะที่มีคนจำนวนมากหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 และช่วงที่มีปริมาณค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูงในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงจึงต้องป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเองจากฝุ่นละออง โดยต้องเลือกใช้หน้ากากให้เหมาะสมและใช้ให้ถูกวิธีเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันได้ดีที่สุด ในกรณีของการป้องกันโรคโควิด 19 นั้นประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มีอาการป่วย มีไข้ ไอ จาม ไม่ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ไม่ได้ดูแลผู้ป่วยหรือผู้เสี่ยงสัมผัสโรคโควิด19 สามารถป้องกันตนเองได้ ด้วยการสวมหน้ากากผ้าได้ โดยหน้ากากผ้าที่ใช้ควรทำจากเนื้อผ้าฝ้ายมัสลิน ผ้า cotton ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการกันละอองน้ำได้ดีที่สุดจึงเหมาะสมกับการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัวผ่านทางละอองฝอยได้ ทั้งยังกรองอนุภาคที่ค่าเฉลี่ยได้ 25 เปอร์เซ็นต์

​นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วย มีไข้ ไอ จาม ที่ต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเป็นประจำ หรือต้องดูแลผู้ป่วยหรือเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค จึงมีความจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ สำหรับหน้ากาก N95 ควรใช้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่ติดเชื้อรุนแรง เช่น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ห้องปฏิบัติการ ซึ่งนอกจากเลือกประเภทหน้ากากให้เหมาะสมแล้ว ต้องสวมให้ถูกวิธีด้วย โดยต้องสวมหน้ากากให้พอดีกับใบหน้าหันด้านที่มีสีออก และให้ด้านที่มีลวดอยู่ด้านบน หากเป็นแบบไม่มีสี ให้สังเกตรอยพับของหน้ากากอนามัย หากมุมของรอยพับชี้ลงด้านล่าง ด้านนั้นจะเป็นด้านนอกของหน้ากากอนามัย หากหน้ากากที่ใช้เปียกชื้นจากสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยใหม่ทันที และไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำอีก ส่วนหน้ากากผ้าสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ด้วยการซักให้สะอาดและผึ่งให้แห้งก่อนนำมาใช้ซ้ำอีกครั้ง

​“การเลือกสวมหน้ากากเพื่อป้องกันตนเองจากกรณีที่มีปริมาณค่าฝุ่น PM2.5 สูงในพื้นที่เสี่ยงนั้น ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีค่าฝุ่นสูง หรือที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีโรคประจำตัว ควรมีการป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย แต่สำหรับประชาชนในกลุ่มที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ ฝุ่นละออง ฟูมโลหะ สารเคมี และอนุภาค ประเภทที่มีพิษมาก ต้องเลือกสวมหน้ากากกรองอากาศ สำหรับมาตรฐานอุตสาหกรรม เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นได้สูงทั้งนี้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศ ด้วยการดูค่า AQI ได้ที่เว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอพพลิเคชั่น “Air4thai” ของกรมควบคุมมลพิษ หรือเฟซบุ๊กเพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5” ของกระทรวงสาธารณสุข หรือสามารถร้องเรียนมาได้ที่ไลน์ ‘อาสาสู้ฝุ่น’ กรมอนามัย