วันที่ 4 ส.ค. 2564 ที่พรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 แถลงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยลงมติเห็นนชอบใน กมธ.ให้นำงบประมาณที่ปรับลดจำนวน 16,362 ล้านบาทไปไว้ที่งบกลาง เพื่อแก้ไขวิกฤตโควิด-19
โดย ประเสริฐ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยขอชี้แจงถึงการนำงบกลางไปให้นายกรัฐมนตรีใช้แก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 ว่า กมธ.ของพรรคพท. คิดและตัดสินใจนั้นนำงบกลางไปเป็นงบโควิด เป็นงบฯให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ยืนยันได้จากคำขอในการใช้งบกลางของรัฐบาล และกมธ.ได้ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ในท้ายร่าง พ.ร.บ. งบประมาณด้วยว่าต้องใช้เพื่อโควิดเท่านั้น
การนำงบประมาณส่วนนี้ไปไว้ในงบกลาง มิได้หมายความว่าหน่วยงานอื่นๆ เหล่านั้น จะไม่สามารถใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้ ยังสามารถที่จะมีคำขอใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้ เพียงแค่ต้องเป็นกรณีนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในกรณีโควิดเท่านั้น
พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าการตัดสินใจของ กมธ.ของพรรคเพื่อไทยเป็นไปโดยรอบคอบ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ระมัดระวังมิให้ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ เป็นการตัดสินใจที่อยู่บนสภาพความเป็นจริง บนสภาพที่เป็นฝ่ายค้านในรัฐสภา แยกมิตร แยกศัตรู ไม่ทำร้ายใคร และสภาพความจริงคือ สู้ไป ยืนยันไปก็ไม่ชนะ แทนที่จะหาทางเอาชนะ แต่เรามาทะเลาะกันเองในเรื่องที่ไม่ชนะ
“ขอเรียกเงิน 1.6 หมื่นล้านบาทนี้ว่า งบโควิดช่วยเหลือประชาชน และขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจของกรรมาธิการพรรคเพื่อไทยว่าทำงานด้วยความซื่อสัตย์ และไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆทั้งสิ้น" ประเสริฐระบุ
เลขาธิการพรรคเพื่อไทยระบุว่า "การตัดสินใจของกมธ.ของพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวกับสภานภาพการยอมรับในตัว พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และรัฐบาล ซึ่งยังยืนยันว่าไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ และที่สำคัญเราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วๆ นี้ การติดสินใจของกมธ.พรรคเพื่อไทย เป็นการตัดสินใจโดยสุจริต ปราศจากผลประโยชน์ใดๆ อยู่บนพื้นฐานว่างบส่วนนี้ควรนำไปใช้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนซึ่งกำลังลำบากแสนสาหัสจากพิษภัยของโควิด และมีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อไม่อาจจบสิ้นไปได้โดยง่าย"
ด้าน วรวัจน์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องยอมรับก่อนว่าวิกฤติจากสถานการณ์โควิดค่อนข้างมาก งบฯ 3.1 ล้านล้านบาทนั้น มาจากการที่หน่วยงานต่างๆทำเรื่องขอไปยังไปรัฐบาล กมธ.ทำการปรับลดงบประมาณจากส่วนที่เราเห็นว่ามีความจำเป็นน้อย หรือไม่เข้ากับสถานการณ์ การจัดงบประมาณปี 2565 เป็นการจัดตามแผนเดิมที่ไม่มีเรื่องของโควิดอยู่เลย เพราะจัดทำงบฯตั้งแต่เดือนปลายปี 2563 ซึ่งขณะนั้นสถานการณ์โควิดดีขึ้นจากการระบาดรอบแรก มีเพียงแผนงบกลางเท่านั้นที่เขียนให้ใช้เงินในเรื่องโควิดได้
วรวัจน์ ย้ำว่า ในสถานการณ์โควิดที่ทวีความรุนแรงขึ้น เราจึงตัดสินใจนำเงินไปใส่ไว้ในแผนที่สามารถนำมาใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับโควิดได้ นั้นคือแผนงานงบกลาง เราต้องแยกระหว่างความไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ กับการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์โควิดให้พี่น้องประชาชน เราเลือกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก่อน ซึ่งงบกลางเป็นเพียงช่องทางเดียวเท่านั้นที่นำงบฯออกมาใช้เพื่อโควิดได้
'ชลน่าน'ย้ำโยกงบ 1.63 หมื่นล้านไปช่วยประชาชนแก้โควิดเท่านั้น
ขณะที่นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคเพื่อไทยเอางบประมาณไปใส่ในงบกลางเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์เอาไปใช้ เสมือนตีเช็คเปล่า ใช้ตามอำเภอใจ เอาไปซื้อกระสุนยางมายิงประชาชนก็ได้ เป็นข้อหาที่ค่อนข้างรุนแรง ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ เอางบ 191 ล้านบาท โดยการของของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปซื้ออาวุธมายิงประชาชน อันนั้นคือภาพของการใช้งบกลางอื่นที่อยู่ในหมวดสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ไม่ใช่งบกลางที่กมธ.ชุดนี้อนุมัติในชั้น กมธ.
"ถ้าพล.อ.ประยุทธ์เอาไปใช้ซื้ออาวุธมายิงประชาชนเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันประณาม และขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ แต่งบฯก้อนนี้เป็นไปตามเจตจำนงของสมาชิกสภาผู้แทนราาฎรส่วนร่วม จากคำอภิปรายของสมาชิกเกือบทุกคนบอกว่า จัดงบฯไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ให้ กมธ. ช่วยไปปรับลดให้นำเงินก้อนนี้มาช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด นี่คือเจตจำนงของสภาตั้งแต่วาระแรก การที่ กมธ.มีมติว่าเมื่อปรับลดงบฯมาได้ให้เอาไปใช้แก้ปัญหาโควิดโดยตรงจึงเป็นมติที่สำคัญ แต่ขั้นตอนที่จะนำเงินไปใช้โดยตรงได้มีเพียงช่องทางเดียวคือ งบกลาง ถ้าไปผ่านช่องทางอื่นจะไม่ชอบด้วยวิธีการงบประมาณ"
นพ.ชลน่าน ย้ำว่าก่อนที่จะเป็นกฎหมายออกไป สภาจะมีบันทึกแนบท้ายในร่างกฎหมาย ซึ่งรียกว่าข้อสังเกตแนบท้ายพระราชบัญญัติเพราะไม่สามารถเขียนในตัวบทกฎหมายได้ โดยงบ 16,300 ล้านบาท ที่จัดให้ในงบกลางมีวัตถุประสงค์เฉพาะแก้ปัญหาโควิดเท่านั้น ให้ผู้รับผิดชอบนำไปใช้ในโควิดเท่านั้น จากนั้นเสนอสภา หากสภาเห็นชอบจะมีศักดิ์เท่ากฎหมาย เมื่อพ้น 60 วันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรายงานว่าได้ทำตามที่ กมธ. ตั้งข้อสังเกตแนบหรือไม่ ทั้งหมดยืนยันได้ว่ากระบวนการตรวจสอบไม่ปิดกั้นใด ๆ กรณีนี้จะเป็นการตรวจสอบที่ดีที่สุด อยู่ที่ผู้ตรวจสอบจะดำเนินการอย่างไร
อดทนได้ถูกถล่มผ่านโซเชียลฯ ปัดโยกงบฯให้ 'ประยุทธ์'ซื้ออาวุธยิงม็อบ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ประเด็นการโยกงบกลาง แม้ดูเหมือนจะเป็นการเมืองระหว่างพรรคการเมือง ก็ถือเป็นการตรวจสอบซึ่งกันและกัน และถือเป็นการตรวจสอบของประชาชนต่อผู้แทนราษฎร แม้สิ่งที่นำเสนอในโซเชียลมีเดียจะมีวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตาม ถ้าพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ก็คือดีที่สุด พรรคเพื่อไทยถูกกระทำเยี่ยงนี้มาตลอด เราอดทนได้ เพราะพี่น้องประชาชน เรามีหน้าที่ตั้งรับและชี้แจงข่าวในสิ่งที่เราทำถูกตามบทบัญญัติของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เราทำไป ไม่ได้เอางบกลางไม่ให้ประยุทธ์ไปซื้ออาวุธมายิงประชาชน เราให้กับประชาชน แต่โชคร้ายผ่านประยุทธ์ เราต้องเอาคนๆ นี้ออกไป อย่าให้ประยุทธ์ลอยนวล โดยเม็ดเงินนี้ยังอยู่ และหาคนที่มีความสามารถมาบริหารเงินนี้อย่างคุ้มค่า เราต้องช่วยกันแยกคนที่ไม่ดีออกจากเม็ดเงิน
นพ.ชลน่าน ระบุว่าการอนุมัติงบฯ 1.6 หมื่นล้านบาทครั้งนี้ ไม่แตกต่างจากการอนุมัติงบ 1.4 หมื่นล้านบาทเมื่อปี 2564 ซึ่งเขียนไว้เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาโควิด เพียงแต่งบ 1.6 หมื่นล้านครั้งนี้ไม่ได้ตั้งมาแต่แรก แต่ กมธ.แปรญัตติแล้วตั้งให้ ก็เอาไปเขียนในงบฯกลางว่าใช้เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์คิดจะเอาไปใช้อะไรก็ได้ มีสำนักงบประมาณเป็นผู้ดูแล
“เรากำลังจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ทำไมเราไม่เอาคนที่ไร้ความสามารถออกไป แล้วเม็ดเงินนี้ยังอยู่ แล้วนายอะไรก็ได้มาเป็นนายกฯ แล้วมาใช้เม็ดเงินนี้อย่างคุ้มค่า ดังนั้น เราต้องแยกวัตถุประสงค์ เงินที่วางไว้ กับคนบริหาร เหตุอยู่ตรงไหนแก้ตรงนั้น ประยุทธ์ไม่ดี เอาประยุทธ์ออกไป เราต้องช่วยกัน อย่าทำร้ายพี่น้องประชาชนโดยการไม่ให้เงินแก้ปัญหา เขาไม่มีข้าวกิน ไม่มีออกซิเจน เงิน 1.6 หมื่นล้านบาทนี้เกิดประโยชน์มากที่จะกันไม่ให้คนเหล่านี้ตาย การทำงานของ กมธ.พรรคเพื่อไทย เรามั่นใจในความสุจริต” นพ.ชลน่าน กล่าว
'ยุทธพงศ์'ปัดตีเช็คเปล่า ชี้งบกลางยังไม่มีงบฯแก้โควิด อัด 'ก้าวไกล'
ที่รัฐสภา ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่กมธ.งบประมาณฯในส่วนพรรคเพื่อไทยตัดสินใจโหวตโยกงบประมาณที่ถูกปรับลงไปไว้ในงบกลาง 1.63 หมื่นล้านบาทว่า มีการตั้งคำถามว่าจะเป็นการตีเช็คเปล่าให้กับพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ และเมื่อดูงบกลางปี 2564 ได้รับประมาณ 6.14 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ปัญหาเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดจำนวน 4.03 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีงบกลางประมาณ 5.71 แสนล้านบาท แต่กลับไม่มีงบประมาณที่จะนำไปบรรเทาเยียวยาแก้ไขปัญหาโควิดเลย จึงเป็นเหตุให้กมธ.งบประมาณฝั่งพรรคเพื่อไทยมีมติโหวตเป็นเอกฉันท์ เพื่อให้นำเงิน 1.63 หมื่นล้านบาทไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทั้งหมด
"มั่นใจว่าไม่ใช่เป็นการตีเช็คเปล่า เพราะทุกอย่างมีระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ที่ออกโดยสำนักงบประมาณมากำกับไว้ ซึ่งในระเบียบดังกล่าวยังระบุวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายไว้อย่างชัดเจน โดยทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอน ถ้าพบการทุจริตต้องรับผิดชอบ"
ยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า งบประมาณที่ให้ไปทั้งหมดการันตีได้ว่าจะถูกนำไปช่วยประชาชนที่เกี่ยวกับปัญหาโควิดอย่างแน่นอน แม้ทางพรรคก้าวไกลจะออกมาระบุว่าทำไมไม่โยกไปให้ในส่วนของท้องถิ่น ก็ยอมรับว่าท้องถิ่นก็มีความจำเป็น แต่เงินเราก็มีจำกัด กรณีที่มีส.ส.พรรคก้าวไกลออกมาตอบโต้ตนนั้น ตนก็ไม่อยากตอบโต้กลับ เพราะแต่ละพรรคและแต่ละคนมีสิทธิ์คิดและตัดสินใจ ขอย้ำจุดยืนพรรคเพื่อไทยในการตัดปรับลดงบประมาณปี 2565 เห็นได้มาตั้งแต่กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำแล้ว แต่การแปรญัตติพรรคก้าวไกลไม่เห็นมีการแปรญัตติไปช่วยโควิดเลย การโหวตของกมธ.งบประมาณพรรคเพื่อไทยที่ไปตรงกับพรรคร่วมรัฐบาลคงเป็นเพราะส.ส.ทุกคนเห็นว่าขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนกับโควิดจริงๆ ขอย้ำว่าถ้ามีการนำงบประมาณในส่วนของงบกลางไปใช้ผิดระเบียบ ไม่ได้ใช้เกี่ยวกับโควิดถ้ามีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ ตนก็พร้อมลาออกจากส.ส.และเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต
ซัด 'ตรีรัตน์' ไร้ราคา ส.ส.สอบตกแต่มาโจมตี เพื่อไทย
ยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีการโต้ตอบกันไปมากับ ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทยด้วยถ้อยคำรุนแรง จนออกมาตั้งคำถามว่าไม่เหมาะสมนั้น ตรีรัตน์ไม่เคยเป็นส.ส.และพรรคเพื่อไทยให้โอกาสหลายครั้ง ถามว่ามาอ้างสิทธิ์เป็นตัวแทนประชาชนได้อย่างไร ทั้งที่สอบตกและออกจากพรรคเพื่อไทยไปแล้ว แต่กลับมาว่าพรรคเพื่อไทย
"ตรีรัตน์ไม่มีราคาทางการเมือง แต่กลับเข้ามาในคลับเฮาส์และอ้างว่าตัวประชาชน ผมจึงถามว่าเป็นตัวแทนประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้เป็น ส.ส. ทั้งที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทย แต่กลับมาด่าพรรค และที่อ้างว่าออกไปเพราะเลือดไหล ย้ำว่าจะเลือดไหลได้อย่างไรในเมื่อไม่ได้เป็นส.ส. ทำไมน ตรีรัตน์ออกไปแล้วต้องมาด่าพรรค หากใครดีเลวก็ว่าไป พรรคทำอะไรให้เสียหาย อย่าลืมว่าคนรู้จักวันนี้ เพราะลงสมัครส.ส.ในนามพรรค และพรรคเคยอุ้มชู ดังนั้นอย่าเนรคุณพรรคเพื่อไทย"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง