ไม่พบผลการค้นหา
รองนายกฯ “ประเสริฐ” นั่งหัวโต๊ะ ประชุม คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เร่งกำหนดมาตรการและการบริหารจัดการ แก้ไขปัญหาฝุ่น ปี 68 เดินหน้าผลักดันความร่วมมือกองทุนสิ่งแวดล้อมและพัฒนาต้นแบบชุมชนคาร์บอนต่ำ

วันนี้ (16 ต.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 2/2567  ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมด้วย

โอกาสนี้รองนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญจึงได้เร่งประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ โดยมอบนโยบายสำคัญ ดังนี้ 

1) รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลกที่ส่งผลกระทบต่อหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ ทั้งอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ฯลฯ 

2) การให้ความสำคัญและการเตรียมการรองรับสถานการณ์ปัญหา PM2.5 เพื่อให้กระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันหาแนวทางและมาตรการในการที่จะทำอย่างไรให้ PM2.5 ลดลง และการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 

3) การให้ความสำคัญกับปัญหาการลักลอบฝังกลบกากของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรม และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน 

4) การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากอุทกภัยน้ำเน่าเสีย ขยะ มูลฝอย และขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังการเกิดอุทกภัย ซึ่งจากการที่ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ประสบอุทภัยที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายได้พบกับปัญหาดังกล่าว ขอให้ทุกฝ่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันดูแลตรงนี้ด้วย 

5) การอนุรักษ์ฟื้นฟูเรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและความสมดุลของสิ่งแวดล้อม ซึ่งการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบภายใต้พื้นฐานการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างสมดุล

IMG_89177_20241016165407000000.jpg

ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้

1) หลักการสัญญารับเงินอุดหนุน (Grant Agreement) ภายใต้โครงการ Thai – German Cooperation on Energy, Mobility, and Climate (TGC EMC) จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน ๒๓๔ ล้านบาท โดยเป็นเงินอุดหนุนเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม 150 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) ให้กับภาคธุรกิจโรงแรมที่พัก ธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม และอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และการปรับตัวและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

(Adaptation) ให้แล้วเสร็จภายในปี 2570

2) โครงการพัฒนาต้นแบบชุมชนคาร์บอนต่ำ เพื่อสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับพื้นที่ด้วยภาคประชาชน เป็นต้นแบบขยายผลและสร้างการรับรู้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศมุ่งเป้าการมีส่วนรวมเครือข่ายภาคประชาชนลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

3) มาตรการควบคุมและกำกับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมที่รับดำเนินการของเสียอันตรายและโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาสังคม จากข่าวการรั่วไหลของสารแคดเมียม เมื่อช่วงเมษายน 2567 

4) มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ประกอบด้วย มาตรการจัดการไฟในพื้นที่เกษตร การควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง การจัดการหมอกควันข้ามแดน รวมถึงกลไกในการบริหารจัดการในการตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค และศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ระดับจังหวัด

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 5 โครงการ  ได้แก่ 

1) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อรองรับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว 

2) โครงการอ่างเก็บน้ำแม่สกึ๋น 2 อำเภอสอง จังหวัดแพร่ 

3) โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (งามวงศ์วาน - พระราม 9)   

4) โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและชนิดหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด 

5) โครงการทางหลวงหมายเลข 118 ตอน บ.แม่เจดีย์ - อ.แม่สรวย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานระหว่างประเทศ และบรรเทาปัญหาการจราจรให้กับประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่และเชียงราย