อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ซึ่งเริ่มให้ใช้สิทธิสวัสดิการได้วันแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 ซึ่งล่าสุดมีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วกว่า 13 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 89.43 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดกว่า 14.5 ล้านราย และมีมูลค่าการใช้สิทธิสะสมจำนวนกว่า 3,300.35 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิจำนวน 10.54 ล้านราย (ข้อมูล ณ วันที่ 10 เมษายน 2566) พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนในการยืนยันตัวตนอย่างเต็มที่ตามขั้นตอน เพื่อจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้โดยเร็ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ แล้ว แต่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตน ยังคงสามารถดำเนินการยืนยันตัวตนได้อยู่ โดยขอให้รีบยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ซึ่งจะยังคงได้รับสิทธิย้อนหลัง ไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ แต่หากยืนยันตัวตนหลังจากนั้น จะได้รับสิทธิเฉพาะเดือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการตั้งวงเงินให้ ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามวันเวลาที่หน่วยงานกำหนด โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมทั้งผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เพื่อความสะดวกในการรับสิทธิ หากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ เนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน ขอให้ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูล ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร แล้วดำเนินการยืนยันตัวตนอีกครั้ง แต่หากยืนยันตัวตนไม่สำเร็จจากกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทยเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยเมื่อยืนยันตัวตนสำเร็จ จะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตามวันที่กระทรวงการคลังกำหนด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ขอให้รีบดำเนินการยื่นขออุทธรณ์ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 โดยสามารถยื่นอุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ หรือติดต่อหน่วยงานรับลงทะเบียนเพื่อยื่นอุทธรณ์ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://xn--12cm1ane3a8dcb9a6abq9eehm8a4u7e.mof.go.th/ หรือ https://welfare.mof.go.th
“นายกรัฐมนตรียินดีที่โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งเบาลดภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดแก่ประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากประชาชนมาโดยตลอดตั้งแต่รัฐบาลเริ่มดำเนินโครงการฯ นายกรัฐมนตรีมุ่งหวังว่าโครงการนี้ จะมีส่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรสวัสดิการของภาครัฐ และยกระดับคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน” อนุชาฯ กล่าว