คุณากร ปรีชาชนะชัย ส.ส.สุรินทร์ รองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาล จัดให้ประชาชนไปลงทะเบียนเพื่อรับบัตรคนจนตั้งเป้าว่าจะมีคนประชาชนมาลงทะเบียนสูงถึง 18 ล้านคนในขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าที่ 20 ล้านใบ หมายความว่า ประเทศไทยจะมีคนจนเพิ่ม 7 ล้านคน จาก 13 ล้านใบเมื่อปี 60 เพียงแค่ 4 ปีต่อมา พบว่ามีคนจนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 20 ล้านคน สะท้อนผลงานรัฐบาล บริหารประเทศห่วยมาก
ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาลต่างออกมาภูมิใจที่กับตัวเลขคนจนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งๆที่การที่ประชาชนมาลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก สะท้อนว่า 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาจนถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่มีการพัฒนาในทิศทางที่ดีขึ้นแต่อย่างใด ยิ่งบริหารยิ่งตกต่ำลง ในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
คุณากร กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลมีความสามารถและบริหารประเทศ ได้เป็นอย่างดี เศรษฐกิจดีพ่อค้าแม่ค้าขายดี รัฐบาลไม่จำเป็นต้องแจกบัตรคนจน เพียงแค่รัฐบาลสามารถทำตามนโยนบายที่ประกาศไว้ แต่ที่ผ่านมาไม่เคย ทำตามนโยบายที่ประกาศไว้ได้เลย ทั้งนี้ตลอด 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ พบว่าราคาข้าวตกต่ำมาตลอด ราคาข้าวยังถูกกว่าราคามาม่าด้วยซ้ำ และค่าแรงขั้นต่ำที่เคยประกาศไว้ วันละ 400-425 บาท ยังไม่สามารถทำได้จริง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ความล้มเหลวของรัฐบาล เพราะสินค้าอุปโภคบริโภค เข้าสู่ยุค“แพงทั้งแผ่นดิน” แล้วยังทำให้ประชาชน “จนทั้งแผ่นดิน” ด้วย
“นอกจากประชาชนกังขาว่า เหตุใดรัฐบาลจึงโหมประโคมข่าวการลง ทะเบียนบัตรคนจนทุกช่องทางประชาสัมพันธ์ของรัฐ แม้แต่ครั้งที่ พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่หนองบัวลำภูยังติดป้ายโชว์บัตรคนจนทั่วเมือง หลายฝ่ายกังขาว่ารัฐบาลนำงบประมาณมาซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ แม้เป็นโครงการที่ช่วยประชาชน แต่ไม่ควรแฝงการหาเสียงให้พรรคการเมือง การชิงความได้เปรียบทางการเมือง เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ แม้จะช่วยประชาชนแต่ไร้ซึ่งความจริงใจ จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนมองว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจมาก” คุณากร กล่าว