ไม่พบผลการค้นหา
รุ้ง ปนัสยา เรียกร้องประชาชนออกมาร่วมแสดงพลังต่อต้าน ขอศาลทบทวนการสั่งขังแกนนำระหว่างพิจารณาคดี ไร้กำหนดออก ยิ่งบีบให้ทางปฏิรูปหดแคบ คาด 17 ก.พ.รายงานตัวก็จะถูกสั่งขังเช่นกัน ด้านยุกติไร้หวังอาเซียนสปริง
flash mob sky walkflash mob sky walkflash mob sky walkflash mob sky walkflash mob sky walkflash mob sky walkflash mob sky walkflash mob sky walk

9 ก.พ.2563 หลังจากศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ถูกกล่าวคดี 112 และ 116 จำนวน 4 คน ประกอบด้วย อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์, สมยศ พฤกษาเกษมสุข และปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ ‘หมอลำแบงค์’ เพจราษฎรได้ประกาศนัดรวมตัวทันทีบริเวณสกายวอล์คปทุมวัน  โดยเวลาประมาณ 19.00 น. มีประชาชนเดินทางมารวมกันในบริเวณดังกล่าวประมาณ 50 คนก่อนจะค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นราว 200-300 คน

ไบรท์ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง กลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรี แนวร่วมกลุ่มราษฎรได้เดินทางมายังที่ชุมนุมพร้อมกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ล้าหลัง และไม่เป็นที่ยอมรับจากสากลดังที่สหประชาชาติออกมาระบุว่ามาตรา 112 ไม่ควรมีอยู่ในประเทศประชาธิปไตย พร้อมเรียกร้องให้รัฐปล่อยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ประชาชนผู้รักความถูกต้อง รักประชาธิปไตย ออกมาร่วมกันต่อสู้อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณที่ชุมนุมมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบตัดผมสั้นเกรียนหลายคนปะปนอยู่กับประชาชนคอยบันทึกภาพนิ่งและบันทึกวีดิโอผู้ชุมนุม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบซึ่งมาประจำการบริเวณสกายวอล์คก่อนหน้านี้ประมาณ 10 นายได้ถอนตัวออกจากพื้นที่ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะเริ่มทำกิจกรรม สำหรับการรวมตัวครั้งนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้นำหม้อมาเคาะ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านความอยุติธรรมที่เกิดด้วย

ธัชพงศ์ แกดำ กลุ่มราษฎร กล่าวว่า การมารวมตัวในครั้งนี้เป็นการทำให้ผู้มีอำนาจรัฐได้เห็นว่าการจับทั้ง 4 คนไปคุมขังในเรือนจำนั้นไม่สามารถหยุดยั้งการเคลื่อนไหวได้ และในวันพรุ่งนี้จะมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีกหลายที่ทั่วประเทศ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควรออกมายืนเคียงข้างกับประชาชน ไม่ใช่มองเห็นประชาชนเป็นศัตรู ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องออกมาเรียกร้อง ไม่ใช่เพียงเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ถูกสั่งขังระหว่างการพิจารณาคดีเท่านั้น แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาในช่วงสถานการณ์โควิด รัฐบาลไม่ได้เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เกิดปัญหาปากท้องตามมา ฉะนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องออกมาขับไล่ ต่อจากนี้ประชาชนจะออกมาแสดงพลังให้มากที่สุด เพื่อแสดงให้รู้ว่าถึงเวลานับถอยหลังของชนชั้นนำไทยแล้ว ต่อจากนี้ไปประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม

เวลาประมาณ 20.10 น. เจ้าหน้าตำรวจในเครื่องแบบประมาณ 10 นาย เดินทางเข้ามาในบริเวณจุดที่กลุ่มราษฎรชุมนุมอยู่เพื่อประกาศให้ยุติการชุมนุมที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้กรูกันเข้าไปกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใกล้จุดที่มีการปราศรัยมากเกินไป พร้อมทั้งตะโกนต่อว่าเจ้าหน้าที่ ก่อนจะผลักดันเจ้าหน้าที่จนต้องถอยเข้าไปในห้างมาบุญครอง ขณะเดียวกันมีมวลชนจำนวนหนึ่งพยายามที่จะป้องกันไม่ให้มีการเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

เวลาประมาณ 20.40 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ 5 นาย เดินเข้ามาบริเวณพื้นที่ชุมนุมอีกครั้ง แต่ก็ถูกมวลชนขับไล่ออกไปจากพื้นที่ โดยตะโกนว่า “ขี้ข้าเผด็จการ”

รศ.ดร. ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมาสังเกตการณ์การชุมนุม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคลื่นความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการในฮ่องกงเรื่อยมาจนถึงประเทศไทยและเมียนมาว่า เป็นการส่งอิทธิพลและให้กำลังใจซึ่งกันและกันในมิติของประชาชน อย่างไรก็ดี จากท่าทีเงียบเชียบของอาเซียนต่อการรัฐประหารในเมียนมาทำให้คาดหวังการกดดันของภูมิภาคเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยได้ยาก ซ้ำร้ายรากเหง้าความเป็นเผด็จการในภูมิภาคนี้ยังมีความแข็งแรงอยู่มาก จนอาจกล่าวได้ว่าความหวังที่จะเป็น 'อาเซียนสปริง' เหมือนกรณีอาหรับสปริงจะเป็นหนังคนละม้วน

"มันจะเป็นอาเซียนสปริงแบบเผด็จการร่วมมือปราบปรามประชาชนมากกว่า" ยุกติกล่าว

ยุกติกล่าวด้วยว่า ไม่แน่ใจว่าการกดดันจากมหาอำนาจระดับโลกหรือองค์กรระหว่างประเทศจะมีน้ำหนักแค่ไหนในภาวะที่โลกไม่ได้มีมหาอำนาจโดดเด่นเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นเราอาจต้องกลับไปหวังกับการให้กำลังใจและเรียนรู้ร่วมกันของคนในอาเซียนด้วยกันเอง

รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงว่า การจับ 4 คนเข้าคุกครั้งนี้ไม่ใช้การฝากขัง แต่เป็นการขังระหว่างพิจารณาคดีซึ่งไม่มีกำหนดเวลาว่าพวกเขาจะได้ออกมา และในวันที่ 17 ก.พ.นี้เธอก็มีนัดพบอัยการเพื่อนำตัวไปส่งศาล ซึ่งคาดว่าในวันนั้นเธอก็จะถูกขังด้วยเช่นกัน ถามว่าการแสดงความคิดเห็นของพวกเรานั้นผิดอย่างไร พวกเราแต่ออกมาพูด หากไม่อยากให้คนพูดก็มาเย็บปากประชาชนให้หมดประเทศไปเลย จะได้ไม่ต้องมีใครพูด

ปนัสยากล่าวว่า การที่ทุกคนออกมา เพราะทุกคนมีความหวังว่าประเทศเราจะพัฒนา คนจนจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ชนชั้นนำไม่เคยเห็นใจประชาชนบ้างหรืออย่างไร ขอให้ศาลไตร่ตรองคำสั่งขังระหว่างพิจารณาคดีว่า คิดรอบคอบแล้วหรือไม่ อยากให้สถาบันตุลาการช่วยทำให้ทุกอย่างกลับมาถูกต้อง ไม่เห็นหรือว่าตอนจับคนเข้าคุกเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีคนออกมาชุมนุมมาแค่ไหน อย่ากดดันให้ประชาชนไร้หนทาง ตอนนี้ยังมีเวลาที่ทุกฝ่ายยังสามารถตกลงเพื่อการปฏิรูปได้

จากนั้นปนัสยาประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 20.55 น.พร้อมเปิดเพลง ‘บทเพลงของสามัญชน’ และขอให้ประชาชนกลับบ้านอย่างปลอดภัยพักผ่อนเก็บแรงไว้ออกมาชุมนุมกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (10 ก.พ.)