วันที่ 26 ม.ค. 2565 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุกรณี21 ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ถูกขับออกจากพรรคจะมีปัญหาต่อการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ว่า เป็นข้อเท็จจริง เพราะระบบรัฐสภาของเราเป็นระบบเสียงข้างมาก การเปลี่ยนแปลงตรงนี้ทำให้สัดส่วนของเสียงข้างมากแปรปรวน ส.ส.ทั้ง 21 คน กลายเป็นตัวแปรมีผลต่อองค์ประชุม ขณะนี้ ส.ส.ในสภามี จำนวน 474 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่งคือ 238 คน ซึ่ง ส.ส.ทั้ง 21 คน สามารถแปรไปด้านใดด้านหนึ่งได้
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส.ส. 21 คน เมื่อแยกตัวออกมาแล้ว จะไม่ทำหน้าที่ให้กับฝ่ายเสียงข้างมาก จึงทำให้เสียงข้างมากที่มีอยู่ทำงานไม่ได้แน่ แล้วจะมาเอาฝ่ายค้านไปเป็นองค์ประชุม เราก็ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าถ้าจะทำหน้าที่ในสภาด้วยระบบเสียงข้างมากต้องเป็นเสียงข้างมากที่แท้จริง เราจะไม่สนับสนุนให้เสียงข้างน้อยมาเป็นผู้บริหารประเทศ เพราะขัดรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตย ทั้งนี้ ยืนยันว่าฝ่ายค้านไม่ไปเป็นองค์ประชุมให้แน่นอน
เมื่อถามว่า หากกฎหมายสำคัญไม่ผ่านสภา จะเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ด้วยสามัญสำนึก ไม่ควรต้องมีการเรียกร้อง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงและมีข้อกฎหมายมาเกี่ยวข้องด้วย แม้กฎหมายที่ไม่ผ่านจะไม่ใช่กฎหมายการเงิน แสดงว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อมที่จะทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ก็ควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน คือ 1.นายกรัฐมนตรีลาออก 2.ยุบสภาฯ ซึ่งฝ่ายค้านพร้อม ถ้านายกฯยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อตัดสินว่าควรมีเสียงข้างมากที่ดีกว่ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ
นพ.ชลน่าน ระบุว่ ไม่ควรใช้วิธีการที่ 3 คือการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร เพราะมีกลิ่นออกมาว่าอาจจะออกแนวทางที่ 3 เราขอคัดค้านและเรียกร้องผู้มีอำนาจ อย่าได้คิดเอาวิธีการนี้ เราไม่มีอำนาจไปยับยั้งที่ไม่ให้ใช้วิธีการนี้ เพราะประเทศจะล่มจม จะทำบาปให้ประเทศ ประชาชนเจ็บช้ำมามาก
“ถ้ามีการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อไหร่ สภาวะทุกอย่างที่ย่ำแย่จะแย่ไปกว่าเดิม คุณอาจจะหวังว่าเมื่อยึดอำนาจแล้ว คุณจะกลับมาบริหารจัดการประเทศ ทำได้แต่จะเอาเงินที่ไหนมาบริหาร เพราะขณะนี้รัฐบาลถังแตกไม่มีเงินแล้ว เวลานี้มีทั้งเงินเฟ้อปนเงินฝืด เพราะรัฐบาลไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ หากยึดอำนาจอีกคุณจะเอาเงินที่ไหนมาบริหารประเทศ ทุกอย่างจะย่ำแย่และไม่มีทางแก้ได้ นั่นคือวิกฤตความเสียหายต่อประเทศจะยิ่งใหญ่แน่นอน และความเสียหายต่อระบบจะลุกลาม ประชาชนขาดความเชื่อมั่น มีการลุกฮือต่อต้าน เกิดจลาจล และความวุ่นวายไปหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง