นโยบายการ 'ไม่ล็อกดาวน์' ของรัฐบาลสวีเดน อนุญาตให้ประชาชนส่วนใหญ่สามารถออกไปใช้ชีวิตตามพื้นที่สาธารณะได้ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร บาร์ ร้านค้า รวมถึงการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกับชีวิตปกติ โดยมีข้อแม้ว่าทุกคนต้องพยายาม 'เว้นระยะห่างทางสังคม'

แม้ไม่ใช่ทุกคนในสวีเดนที่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ และจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเห็นด้วยเพราะชี้ว่ามาตรการดังกล่าวมีประโยชน์ในระยะยาวและเป็นวิธีที่ 'ยั่งยืน'

เว็บไซต์ Business Insider ได้ไปสัมภาษณ์ประชาชนชาวสวีเดนในพื้นที่ต่างๆของประเทศ เพื่อค้นหาคำตอมว่าเพราะอะไรพวกเขาจึงรู้สึกพึงพอใจกับมาตรการของรัฐบาล

อิลวา เบอลันด์ นักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยเออเมียว กล่าวว่า "หลายคนอาจจะอยากให้มีการประกาศล็อกดาวน์ และควรประกาศตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว" แต่คนรอบตัวของเธอซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวงการแพทย์ต่างก็มีความสุขกันดีที่ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

"สังคมในสวีเดนค่อนข้างเชื่อใจกัน และทุกคนก็ทำตามข้อแนะนำทางการแพทย์" อิลวากล่าว ขณะที่พ่อของอิลวา ซึ่งเป็นแพทย์คนหน่ึง ก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมากกับการรับมือของรัฐบาล

"ผมรู้สึกว่ามันเป็นเหตุเป็นผลดี ผมเป็นคนเยอรมัน และผมก็ไม่เคยรู้สึกดีกับการใช้ชีวิตในสวีเดนเท่านี้มาก่อนเลย"

ประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาลสูง

คาริน เบอลันด์ ลินดอห์ล อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีลูลีโอ กล่าวว่ามาตรการของรัฐได้ผลเพราะคนส่วนใหญ่ต่างปฏิบัติตามข้อแนะนำ ส่วน อันด์เนิส ลีดสตรอม อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเออเมียว ชี้ว่า สิ่งที่รัฐบาลทำมีเพียงแค่การออกคำแนะนำให้ประชาชน เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เชื่อใจและปฏิบัติตาม รัฐบาลจึงไม่ต้องสั่งหรือบังคับอะไร 

เขาอธิบายพร้อมเปรียบเทียบว่า สิ่งที่รัฐทำก็คือการแนะนำว่าอย่างรับประทานอะไรก็ตามที่มีพิษ "หากคุณได้รับคำแนะนำทำนองนั้น แม้จะไม่เป็นข้อห้ามทางกฎหมาย คุณก็จะรู้เองว่าไม่ควรทำ" ซึ่งที่ผ่านมาพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (SDP) ของนายกรัฐมนตรีสวีเดนก็ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอีกด้วยในช่วงเดือน มี.ค. และ เม.ย. ที่ผ่านมา 

ด้าน คาทารีนา เอ็กเคอแบร์ก อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเออเมียว กล่าวว่าความเชื่อใจของประชาชนต่อรัฐบาลคือความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดเมื่อลองเปรียบเทียบสวีเดนกับประเทศอื่นๆ พร้อมย้ำด้วยว่า "เรามีชื่อเสียงด้านการทำตามกฎเกณฑ์"

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลและนักการเมืองของสวีเดนต่างให้ความเคารพกับผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขค่อนข้างมาก แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไม่ใช่ผู้มีอำนาจในการสั่งการหรือออกกฎหมาย แต่ตามธรรมเนียมที่มีการปฏิบัติสืบต่อกันมา นักการเมืองและผู้มีอำนาจในสังคมจะให้น้ำหนักกับข้อแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเสมอ นั่นจึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญไม่เคยถูกตัดออกไปจากทีมรับผิดชอบงานสำคัญ 

อัสตริด เฮดีน อาจารย์ด้านการเมืองการปกครองจากมหาวิทยาลัยมัลเมอ ให้ความเห็นว่า ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในมาตรการของรัฐบาลก็คือ "วิธีการสื่อสารที่ดี" โดยเธอไม่คิดว่าชาวสวีเดนให้ความเชื่อมั่นกับผู้เชี่ยวชาญและสาธารณสุขอย่างไม่ลืมหูลืมตา ตรงกันข้าม พวกเขาเชื่อใจหน่วยงานของภาครัฐเพราะการสื่อสารที่ดี เป็นเหตุเป็นผล และเข้าใจได้ต่างหาก ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่รับผิดชอบก็ได้มีการสื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจนแบบรายวัน 

นอกจากนี้ ทัศนคติของภาครัฐยังเป็นสิ่งที่ประชาชนต่างชื่นชม เนื่องจากรัฐบาลสวีเดนไม่ได้แสดงออกในเชิงที่มั่นใจว่า 'ตัวเองไม่มีทางผิดพลาด' ตรงกันข้าม พวกเขาย้ำกับประชาชนว่าหากประเทศใดก็ตามสามารถหาแนวทางในการเอาชนะโควิด-19 ได้ สวีเดนก็พร้อมที่จะทำตาม

ปัจจุบันจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสวีเดนมีมากกว่า 2,900 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าเพื่อนบ้านอย่างนอร์เวย์เกือบ 6 เท่าด้วยกัน แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าหลายประเทศในโลกที่มีการบังคับใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดอย่างการประกาศล็อกดาวน์ โดยหน่วยงานสาธารณสุขของสวีเดนยอมรับว่าไม่สามารถตอบได้ว่าวิธีการนี้จะได้ผลดีหรือไม่ แต่ภาครัฐยังคงทำงานกันเต็มที่และจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด