เน็ตฟลิกซ์ระงับการผลิตซีรีส์และภาพยนตร์ทั้งหมดในสหรัฐฯ และแคนาดา หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีวหรัฐฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติ เนื่องจากโควิด-19 ระบาดหนัก โดยขณะนี้ ชาวอเมริกันติดโควิด-19 แล้วมากกว่า 1,700 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 41 ราย นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเน็ตฟลิกซ์ขอให้พนักงานที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียทำงานจากบ้านแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันและแพร่เชื้อใส่กัน
คำสั่งระงับการผลิตครั้งนี้ ครอบคลุมถึง Stranger Things ซีซั่น 4 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ทำเงินให้เน็ตฟลิกซ์สูงที่สุดที่ถูกสั่งเลื่อน Grace and Frankie ซีรีส์ตลก และ The Prom ภาพยนตร์ที่มีไรอัน เมอร์ฟีแสดงนำ โดยจะมีการประเมินสถานการณ์อีกในสองสัปดาห์
ก่อนจะมีโรคระบาด เน็ตฟลิกซ์วางแผนว่าจะทุ่มเงินถึง 17,300 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 550,000 ล้านบาทในการผลิตซีรีส์และภาพยนตร์ต้นฉบับในปี 2563 นี้ และเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์รายงานว่า มีสมาชิกทั่วโลกถึง 167 ล้านคน และคาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มอีก 7 ล้านคนภายในไตรมาสแรก โดยการรายงานผลประกอบการครั้งต่อไปของเน็ตฟลิกซ์จะออกมาในวันที่ 14 เม.ย.นี้
ด้านบริษัทดิสนีย์ เอบีซี และเอ็นบีซีก็ได้สั่งยุติการผลิตรายการและภาพยนตร์หลายเรื่อง หลังโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก รายการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวทั้งหมดในสหรัฐฯ ถูกสั่งระงับ ขณะที่ภาพยนตร์ต่างก็ถูกสั่งเลื่อนฉายออกไปโดยไม่มีกำหนด ทั้ง A Quiet Place II และ Mulan
อย่างไรก็ตาม วอลท์ดิสนีย์เร่งปล่อยภาพยนตร์การ์ตูนชื่อดังอย่าง Frozen II ออกมาบน Disney+ สตรีมมิงก่อนกำหนดที่เคยวางไว้ เพื่อจุดประกาย “ความสนุกและความสุข” ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ที่มา : The Independent, Indie Wire, The Guardian