วันที่ 4 มี.ค. ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้นายกรัฐมนตรี จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังนครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ (2024 ASEAN-Australia Special Summit) เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 4 – 6 มีนาคม 2567
โดยในการร่วมการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จะหยิบยกประเด็นสำคัญที่เป็นประโยชน์กับไทยในการประชุมฯ ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือ ได้แก่ ความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Logistics) ทั้งด้านการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ซึ่งรวมถึง การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี การลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (ท่าเรือ โครงการ Landbridge และ โครงการ EEC) เศรษฐกิจดิจิทัล และการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า รวมทั้ง วาระสีเขียว (Green Agenda) ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
โดยรวมถึงการผลักดันเพื่อแก้ไขปัญหาในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ อาทิ การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ ยืนยันย้ำท่าทีไทยในการเจรจาจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea) ที่มีประสิทธิภาพ การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา ความมั่นคงด้านอาหารและสุขภาพ โดยเฉพาะการนำเสนอบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทย โดยเฉพาะการผลักดันการจัดตั้ง ศูนย์อาเซียนว่าด้วยสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED) ให้เป็นรูปธรรม และร่วมกันต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เน้นความร่วมมือด้านการลงทุนและนวัตกรรมสีเขียว และการใช้นวัตกรรมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ
ซึ่งในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย และ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ รวมทั้ง มีกำหนดการพบหารือกับผู้บริหารสำคัญของบริษัทระดับโลก อาทิ บริษัท Fortescue (เหมืองแร่และพลังงานสีเขียว) Linfox (คมนาคมและโลจิสติกส์) Redflow (ระบบกักเก็บ พลังงานจากสังกะสีและโบรมีน) ANCA (การพัฒนา software) NextDC (การบริหารข้อมูล) และ Hesta (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ)
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จะเสร็จสิ้นภารกิจที่นครเมลเบิร์นช่วงเย็นวันที่ 6 มีนาคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น และจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเมลเบิร์น ไปยังกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อร่วมงาน ITB Berlin 2024 ต่อไป