พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความพร้อมของ 5 จังหวัดนำร่องที่จะรองรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA หรือ STV ว่า ยังต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจนออกมากก่อน แต่ยืนยันในส่วนของจังหวัดได้เตรียมการไว้แล้ว และย้ำต้องไม่มีปัญหาเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับ จ.ภูเก็ต โดยพื้นที่ที่จะรับนั้นต้องมีความพร้อม มีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดการต่อต้าน ย้ำว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวรูปแบบ STV เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวล เพราะทุกคนที่เข้าต้องเข้าการกักตัวเบื้องต้น 14 วันก่อน แต่จะต้องสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ที่เป็นอย่างมาก ว่ามีมาตรการควบคุมโรคอย่างไร ส่วนที่มีข้อเสนอลดวันกักตัวนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถือเป็นแนวคิด แต่ยังไม่ได้ข้อยุติในการดำเนินการ
ขณะที่งบประมาณฟื้นฟูช่วยเหลือประชาชน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า โครงการต่างๆที่เสนอเข้ามานั่นก็จะผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างโปร่งใส หากพบว่าเกิดการทุจริต ตนเองจะสั่งดำเนินการเด็ดขาด ทั้งทางวินัยและอาญา ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใดก็ตาม โดยผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดต้องไปกำกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ที่ต้องใช้งบประมาณอย่างรอบคอบ ทั้งนี้หากพบเกิดการทุจริตก็ให้ส่งหลักฐานมาที่ตนเอง เพื่อที่จะตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ย้ำว่าโครงการต่างๆ ที่ลงไปในพื้นที่ใช้งบประมาณถึง 9,900 ล้านบาท เกือบ 20,000 โครงการ โดยทุกหน่วยงานนั้นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้เรียบร้อย เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึง
มท.1 เผยส่งชุดการไฟฟ้าร่วมปฏิบัติงาน กำชับผู้ว่าฯกทม. ห้ามไฟดับช่วงระบายน้ำ
ส่วนการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร 10 จุด พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า แนวทางปฏิบัติ กทม. ได้เตรียมการลอกท่อระบายน้ำ รวมถึงเตรียมความพร้อมปั๊มระบายน้ำในจุดต่างๆ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณฝนที่จะตกหนักมากหรือน้อย ซึ่ง กทม.ต้องกำกับดูแลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังน้อยที่สุด โดยได้กำชับผู้ว่าฯกทม.ไปแล้ว ให้ระวังในเรื่องไฟฟ้าดับด้วย
โดยให้การไฟฟ้าจัดชุดทีมงานร่วมเตรียมความพร้อมปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ กทม. โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปั๊มขนาดใหญ่ ซึ่งกำหนดว่าต้องมีการระบายน้ำและพร่องน้ำตามแผนที่วางไว้ให้ได้ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพราะในช่วง1-2 วันนี้จะมีพายุเข้าทั่วประเทศไทย