วันที่ 16 มิ.ย. ที่โรงแรมเซ็นทารา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลว่า ต้องตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินทั้งระบบ และทุกรายการ แต่ที่ปรากฏเป็นข่าวมีแค่เรื่องหุ้นไอทีวี และหนี้ค้ำประกัน ซึ่งต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเบื้องต้น พิธา ได้ยื่นบัญชีเข้ามาตอนรับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อปี 2562 และมีการยื่นเอกสารการถือหุ้นไอทีวีเข้ามาเพิ่มเติม พร้อมทั้งแนบคำสั่งศาลเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2550 ให้เป็นผู้จัดการมรดก โดยต้องดูว่าโอนเมื่อไหร่ วันที่พ้นจากตำแหน่งยังมีอยู่หรือไม่ก็ต้องยื่น ถ้าเทียบกับทรัพย์สินที่ยื่นมาอาจจะเล็กน้อย หากสงสัยอาจจะสอบถามได้ 

ขณะที่การตรวจสอบคำสั่งศาลนั้น เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า ทาง ป.ป.ช. ต้องไปเช็กจากสำเนา หรือต้นขั้วคำสั่งว่ามาจากศาลจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่าคำสั่งศาลนั้นมีมาตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งก็นับเป็นเวลา 15 ปีแล้ว และโดยปกติของเอกสารราชการ 10 ปีก็ทำลายแล้ว ดังนั้นจึงเป็นความยากลำบากในการตรวจสอบ แต่เพิ่งได้รับแจ้งมาว่า การแต่งตั้งให้ พิธา เป็นผู้จัดการมรดกไม่มีผู้ใดคัดค้าน เพียงแต่อยู่ที่ว่า ทรัพย์สินในกองมรดกมีเท่าไหร่ ซึ่งต้องไปดูว่าในพินัยกรรมนั้นมอบให้ใครบ้าง พิธา อาจเป็นผู้จัดการมรดกที่ต้องไปทำการแบ่งให้ทายาท ซึ่งตรงจุดนี้ไม่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. 

นิวัติไชย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การตรวจสอบพินัยกรรมนั้นต้องไปตรวจสอบ เช่น ที่ดินมอบให้นาย ก ก็ต้องไปจดทะเบียนโอนเพื่อเป็นกรรมสิทธิ์ หรืออีกกรณีไม่มีพินัยกรรม หรือมีแต่ไม่ได้ระบุชัดเจน ผู้จัดการมรดกต้องไปคุยกันว่า มรดกทั้งหมดยกให้ใครบ้าง 

ส่วนในทางกฎหมาย การจะบอกว่า หุ้นไอทีวียังไม่เป็นของพิธา หรือไม่อย่างไร ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด แต่หน้าที่ของ ป.ป.ช. มองอย่างเดียวคือ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง มีทรัพย์สินดังกล่าวแล้วหรือไม่ และยื่นเข้าแล้วหรือยัง ส่วนการจะเป็นผู้จัดการมรดก แล้วส่งผลให้เป็นคุณสมบัติต้องห้ามเป็นเรื่องอีกองค์อำนาจที่วินิจฉัย ขณะที่วันนี้ได้รับแจ้งจากทางสารบัญมาว่า มีจำนวน ส.ส. ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ามาแล้วหลังพ้นตำแหน่งกว่า 80% ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 18 มิ.ย. แต่เบื้องต้นก็ได้มีการยื่นขอขยายเวลาเข้ามาเพิ่มเติม