แต่สำหรับ ‘กองทัพ-ตำรวจ’ มีกฎหมายของตัวเอง จึงไม่ต้องทำเข้า ครม. และไม่ต้องให้ กกต. อนุมัติ โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ที่ทำผ่าน ‘บอร์ด 7 เสือกลาโหม’ หรือ คณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายชั้นนายพล กระทรวงกลาโหม ที่มี รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ เป็นคณะกรรมการ จากนั้นนำส่งให้นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา นายกฯ กับ รมว.กลาโหม มักจะเป็นบุคคลเดียวกัน จึงทำให้การจัดโผทหารเสร็จสิ้นตั้งแต่ใน ‘บอร์ด 7 เสือกลาโหม’

ในยุคนี้การแต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพ กลับมาในยุคที่ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ เข้าสู่ห้วง ‘อำนาจถดถอย’ ไม่ได้มี ‘อำนาจเบ็ดเสร็จ’ เฉกเช่นก่อนหน้านี้ แม้ว่า ‘ดุลอำนาจ’ ภายในกองทัพจะเปลี่ยนไปในห้วง 6 ปีที่ผ่านมา แต่ในยุคที่ ‘อำนาจการเมือง’ เป็นไปในลักษณะ ‘กึ่งพลิกขั้ว’ มากขึ้น ก็ทำให้เริ่มมี ‘การเมืองภายนอก’ เข้ามามีผลต่อการ ‘จัดโผทหาร’ อยู่บ้าง

แต่ก็ไม่เท่ากับ ‘การเมืองในกองทัพ’ ด้วยกันเอง ทั้งเรื่อง ‘รุ่นเตรียมทหาร’ และความเป็น ‘ทหารคอแดง-ทหารคอเขียว’

เริ่มที่ ‘กองทัพบก’ ในระดับ ผบ.ทบ. เป็นที่ชัดเจนแล้ว คือ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. (ตท.23) ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. คนต่อไป เกษียณฯ ก.ย. 2567 พล.อ.เจริญชัย เป็นทหารสาย ร.21 รอ. ทหารเสือฯ เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ที่ยังมีปัญหา คือ ‘แม่ทัพภาคที่ 1’ ที่จะเป็นใครกันแน่ ระหว่าง พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.26) ที่เป็นเพื่อนกับ พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่จะขึ้นตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. ต่อไป

ซึ่ง พล.ท.ชิษณุพงศ์ จะต้องชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 กับ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ตท.28 ที่เรียกว่าเป็นรุ่นที่มี ‘แบ็คอัพใหญ่’ อยู่นั่นเอง เพราะ ตท.28 ถือว่ากำลังมีบทบาทนำใน ทบ. คุม ‘ขุมกำลังปฏิวัติ’ หลายกองพล

(พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. (ตท.23) )

(พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.26) )

(พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ตท.28 )

มากันที่ บก.กองทัพไทย สุดท้าย ‘ทหารคอเขียว’ ไม่สามารถฝ่ากระแสอำนาจ ‘ทหารคอแดง’ ไปได้ ทำให้ชื่อ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด (ตท.24) จะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คนต่อไป ถือเป็น ‘ทหารคอแดง’ คนที่ 2 ที่ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ด้วยคอกเนกชั่นต่างๆ โดยเฉพาะ ‘สายราบ 11’ ที่เติบโตมาจาก ร.11 รอ.

(พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด (ตท.24) )

มากันที่ ‘กองทัพเรือ’ ที่ยังมี ‘คลื่นใต้น้ำ’ เกิดขึ้น ยังเคลียรเก้าอี้ ผบ.ทร. ไม่ลงตัว ระหว่าง พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.25) น้องชาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. นอกจากนี้ยังมี พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. และ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ ทั้งคู่เป็นเพื่อน ตท.23 ที่ยังคงมีการ ‘วัดกำลังภายใน’ กันเอง

ซึ่ง พล.อ.ชลธิศ มีชื่อเป็นหัวหน้าคณะทำงานโครงการเรือดำน้ำฯ ด้วย ภารกิจ ผบ.ทร. คนต่อไป หนีไม่พ้นมหากาพย์ ‘เครื่องยนต์เรือดำน้ำ’ ที่ ทร. โยนให้รัฐบาลใหม่เป็นผู้พิจารณา จะใช้เครื่องยนต์จีนหรือไม่ รวมทั้งการสะสางเรื่อง ‘รล.สุโขทัย’ ด้วย

สำหรับ พล.ร.อ.สุวิน มี ‘คอนเนกชั่น’ อยู่กับฝั่งการเมือง ที่ในขณะนี้ถือเป็น ‘พรรคตัวแปร’ ในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้ง พล.ร.อ.สุวิน แม้เป็น ตท.25 ที่ครองอาวุโสกว่ารุ่นพี่ ตท.23 เพราะติดยศ ‘พลเรือเอก’ มาก่อน ดังนั้นน้ำหนักแคนดิเดต ผบ.ทร. คนต่อไป จึงอยู่ที่ พล.ร.อ.ชลธิศ กับ พล.ร.อ.สุวิน ต้องจับตาว่า ‘พลัง ตท.23’ จะแกร่งขนาดไหนและจบที่ชื่อใด เพราะโผทหารพลิกได้จนถึงวินาทีสุดท้าย

(พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.25) )

มากันที่ ‘กองทัพอากาศ’ ที่ถูกทำให้ ‘ไขว้เขว่’ ว่าสุดท้าย ผบ.ทอ. คนต่อไป จะเป็นใครกันแน่ หลังมีรายงานว่า พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. ได้เสนอชื่อ พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รองผบ.ทอ. (ตท.23) ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. เท่ากับว่าจะเป็นการ ‘ล้างอาถรรพ์ กองบิน 4’ เพราะที่ผ่านมาแคนดิเดต ผบ.ทอ. ที่เติบโตจาก กองบิน 4 มักไม่ได้เป็น ผบ.ทอ.

แต่ก็มีกระแสข่าวตีคู่มาว่าเสนอชื่อ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้ช่วย ผบ.ทอ. (ตท.24) ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. คนต่อไป ซึ่งชื่อที่มาแรงก่อนหน้านี้ แต่แผ่วปลาย คือ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ เสธ.ทอ. (ตท.23) สำหรับชื่อ พล.อ.อ.ชานนท์ กับ พล.อ.อ.ณรงค์ ถูกมองว่ามีปัจจัยเรื่อง ‘การเมืองนอกกองทัพ’ รวมอยู่ด้วย

(พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รองผบ.ทอ. (ตท.23) )

สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ‘ขั้วอำนาจ 3ป.’ ไม่ได้มีอำนาจเฉกเช่นเมื่อหลายปีก่อน อำนาจต่อรองใน ‘ทางการเมือง-กองทัพ’ ก็ลดลงไปมาก แต่ในการแต่งตั้งโยกย้าย ‘โผส่งท้าย’ หรือ ‘โผลงหลังเสือ’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีการ ‘ล้วงลูก’ หรือไม่ เพื่อเป็น ‘ปราการสุดท้าย’ ของขั้วอำนาจ 3ป. ในการ ‘ผ่องถ่ายอำนาจ’ ต่างๆ

แต่ในทางการเมือง ทั้ง 3ป. ยังคงมี 250 สว. ในการโหวตเลือกนายกฯ ทำให้ ‘ขั้วป่ารอยต่อ’ ยังคงต่อรองทางการเมืองได้ ดังนั้นท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงยังไม่วางมือการเมืองตาม พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่นเอง ดังนั้น ‘ขั้วอำนาจ 3ป.’ ยังไม่ถูก ‘ปิดสวิตช์’ ทั้งหมด