ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำสหรัฐฯ และสเปนประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ เพิ่มมาตรการแก้ปัญหา 'โควิด-19' ระบาดภายในประเทศ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แถลงประกาศ 'ภาวะฉุกเฉินระดับชาติ' ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ (13 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังทวีตข้อความออกมาช่วงเช้าว่าจะมีการแถลงข่าวกรณีโควิด-19 โดยในระหว่างการแถลงผ่านโทรทัศน์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยแผนใช้งบประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือรัฐและเขตปกครองที่ต้องการ รวมทั้งเปิดศูนย์แพทย์ฉุกเฉินเพิ่มเพื่อรับมือกับการระบาด

นอกจากนั้น ปธน.ทรัมป์ ร้องขอให้โรงพยาบาลทั่วประเทศเริ่มใช้แผนรองรับภาวะฉุกเฉิน และประสานงานกับรัฐบาลเพื่อสู้การระบาดครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวด้วยว่า จะมีการยกเว้นข้อกำหนดต่างๆ ด้านสาธารณสุขเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับหน่วยงานต่างๆ ให้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ถูกจำกัดโดยกฎเกณฑ์มาก ปธน.สหรัฐฯ ระบุว่า ชุดทดสอบเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกประมาณ 500,000 ชุดจะพร้อมส่งไปยังจุดต่างๆ ทั่วประเทศในสัปดาห์ และคาดว่า สหรัฐฯ จะมีชุดทดสอบราว 5 ล้านชุดภายใน 1 เดือน ทั้งนี้ กฎหมายภาวะฉุกเฉินแห่งชาติที่รัฐบาลสหรัฐฯ นำมาใช้ครั้งนี้ ให้อำนาจเพิ่มเติมแก่ประธานาธิบดี ในกิจการต่างๆ ทั้งที่ระบุไว้ในกฎหมายและสิ่งที่เห็นสมควรเพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ คำประกาศภาวะฉุกเฉินนี้ มีออกมาหลังอาคารสำนักงานของรัฐบาลและโรงเรียนปิดทำการชั่วคราว โปรแกรมการแข่งกีฬาและกิจกรรมต่างๆ ในหลายพื้นที่ของประเทศ ถูกสั่งยกเลิกหรือเลื่อน ขณะที่ภาคธุรกิจเริ่มนำแผนให้พนักงานทำงานจากบ้านออกมาใช้เรียบร้อยแล้ว

'สเปน' ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ

ทางด้านประเทศสเปนก็ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติเช่นกัน โดยระบุว่าระยะเวลา 15 วันต่อจากนี้จะมีการเพิ่มมาตรการให้กับเจ้าหน้าที่ในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัวโคโรนาในประเทศ รวมไปถึงการดำเนินมาตรการต่างๆ กับโรงงานหรือสถานที่อื่นๆ ด้วยเช่นกัน

นายเปโดร ซานเซส นายกรัฐมนตรีสเปนกล่าวว่า รัฐบาลสเปนจะปกป้องประชาชนทุกคนและจะรับรองสิทธิในชีวิตของประชาชนให้ได้รับผลกระทบจากการระบาดด้วยให้กระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

อย่างไรก็ตามรัฐบาลสเปนยังมีรายละเอียดมาตรการต่างๆ ในภาวะฉุกเฉินระดับชาติออกมา

ปัจุบันสเปนมีผู้ติดเชื้อโควิด-19เป็นอันดับ 2 ของยุโรปรองจากประเทศอิตาลี โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อแล้ว 4,209 ราย และมีผู้เสียชีวิต 120 ราย

ที่มา VOA / Aljazeera

ข่าวที่เกี่ยวข้อง