วันที่ 17 พ.ย. 2565 จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม เขตยานนาวา-บางคอแหลม พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับเยาวชน นักศึกษารวมถึงประชาชนทั่วไปที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ช่วง 3-4 วันมานี่มีเรื่องที่ค่อนข้างเป็นกังวล เนื่องจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการบุกค้นบ้าน ค้นที่พักโดยอ้างว่ามีพฤติกรรมที่อันตราย ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลกำลังฉวยโอกาสเอาการประชุมนานาชาติเอเปคมาเป็นข้ออ้างเพื่อใช้สันดานเผด็จการ รุกรานประชาชนหรือไม่ ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว หรือบางคนเคยร่วมการเคลื่อนไหว แต่ไม่มีหมายจับหรือประวัติในการถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด แต่กลับถูกตรวจสอบไปถึงบ้าน บางคนอาศัยอยู่หอพักแต่เจ้าหน้าที่ในท้องที่ไปขอตรวจค้นบ้านของผู้ปกครอง ทำให้เกิดความวิตกกังวล ตนไม่แน่ใจว่าการดำเนินการเช่นนี้ต้องการหรือมีนัยยะใด
จรยุทธ กล่าวต่อว่า มีการกล่าวอ้างว่ากลัวประชาชนบางกลุ่มก่อความวุ่นวายในช่วงการประชุมเอเปค หรือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กลัวเสียหน้า หากมีมวลชนมาต่อต้าน จึงทำพฤติกรรมหว่านแหไล่จับกุมคุมตัว ค้นบ้านล้วงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาประชาชนมั่วไปหมด บางคนยังถูกพยายามยัดข้อหา 112 ให้ก่อนทั้งที่ไม่เคยกระทำ ส่วนกลุ่มนักศึกษามหาวิยาลัยรามคำแหง จากชายแดนใต้ ก็โดนข้อหาก่อความไม่สงบ
"ผมขอฝากไปยังรัฐบาลว่า เพราะความกลัวจะทำให้รัฐบาลเสื่อม ปรากฏการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นกับพวกผู้นำเผด็จการบ้าอำนาจ ที่กลัวความผิด กลัวว่าความชั่วร้ายของตนจะถูกนำออกมาประจานสู่สายตาชาวโลก จึงยิ่งหาวิธีปกปิด ซึ่งสิ่งที่ผู้นำแห่งความชั่วร้ายเหล่านี้มักทำกันก็คือ การใช้อำนาจป่าเถื่อนกล่าวหาด้วยข้อหาร้ายแรงให้ทุกคนที่กลัวว่าจะเป็นภัยแก่ตน แล้วเอาเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการ โดยไม่มีหมายจับหรือหมายค้น บางคนไม่เคยมีคดีใดติดตัวมาก่อนด้วยซ้ำ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ พวกเขาตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใช้อำนาจตามกฎหมายใด และการกระทำเช่นนี้มีแต่ยิ่งสร้างความน่าอับอายต่อสายตาชาวโลก เหมือนช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดย่อมไม่มิด"
จรยุทธ กล่าวต่อว่า การให้ตำรวจมาไล่ล่าจับประชาชนด้วยข้ออ้าง 'อาจ' ก่อความไม่สงบอันเลื่อนลอย หรือยัดพ่วงมาด้วยคดีมาตรา 112 แบบนี้ คือ การใช้อำนาจที่เกินเลยไปมาก ซึ่งตนยืนยันว่า นี่คือการประจานตัวเองอย่างน่าอับอายและเสมือนประกาศต่อประชาคมโลกว่าข้าคือผู้นำแห่งความชั่วร้ายอย่างแท้จริง