วันที่ 15 เม.ย. ที่ชุนชนบูรพา 7 เขตดอนเมือง พรรคไทยสร้างไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย การุณ โหสกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ดอนเมือง พรรคไทยสร้างไทย มอบบัตรบำนาญประชาชนใบที่ 3 ล้าน 2 แสน และรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุในชุมชน
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เผยถึงนโยบายรับรองบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ตลอดชีพ ซึ่งเป็นนโยบายที่คิดมาแล้วอย่างรอบด้านว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงราว 11-12 ล้านคน จึงคาดว่าต้องใช้งบประมาณ 3.6 แสนล้านบาทต่อปี พร้อมย้ำไม่ใช่การแจกเงินแล้วหายไป แต่เป็นการใช้เงินจ้างผู้สูงอายุให้ดูแลสุขภาพตัวเอง
อีกทั้งนโยบายดังกล่าวจะยังสามารถนำมากระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากในชุมชน โดยอาศัยเงินที่ใช้ไป 3.6 แสนล้านบาทต่อปี เพื่อหมุนเวียนมาเพิ่ม GDP ให้ประเทศ 5-7% ในเวลาไม่เกิน 5 ปี พร้อมลดค่ารักษาพยาบาลได้ปีละกว่าแสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น คาดว่าราว 3.8 แสนล้านบาทต่อปีด้วย ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวยังได้ยกร่างไว้รอในสภาแล้ว หากได้เป็นรัฐบาลก็สามารถผ่านกฎหมายได้ในเวลาประมาณ 3-4 เดือน
"ประชาชนจะมีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ไม่เป็นภาระลูกหลาน ไม่ต้องมาส่งเสียพ่อแม่ เราจะไม่ส่งต่อภาระความยากจน และหนี้สินให้กับคนรุ่นต่อไป และโครงการบำนาญประชาชน 3,000 บาท" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
สำหรับที่มาของเงินบำนาญ คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และไม่ก่อให้เกิด GDP ของประเทศลง 10% เป็น 3 แสนล้านบาท เช่น งบซื้ออาวุธต่างๆ งบสร้างตึก และงบซื้ออุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นจากต่างประเทศ รวมถึงจากภาษีสรรพสามิตอีก 5 หมื่นกว่าล้าน และจากกองทุนต่างๆ อีกเกือบแสนล้านบาท ถือว่าเพียงพอ และมากเกินกว่างบประมาณที่จะนำมาเป็นบำนาญแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับนโยบายเงินดิจิทัลของบางพรรคการเมือง คุณหญิงสุดารัตน์ มองว่านโยบายนี้น่าจะได้ผลดีกว่า เนื่องจากไม่ต้องกลัวว่าผู้สูงอายุจะนำเงินไปใช้อย่างอื่นที่ผิดวัตถุประสงค์ นอกจากใช้กินใช้อยู่ และไม่นำเงินไปใช้ที่อื่นเนื่องจากเดินทางไม่ไหว อีกทั้งให้เป็นเงินสดเพราะผู้สูงอายุไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไร สำหรับบางคนเพียงถอนเงินจากธนาคารมาก็ยากแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่าตลอด 17 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่รัฐประหาร 2549 ประชาชนต้องทนทุกข์มาก ซึ่งตนได้แบกรับความยากลำบากของประชาชนไว้ทั้งหมด ทำให้ต้องยอมจากบ้านหลังเดิม มาสร้างพรรคใหม่ด้วยความเหนื่อยยาก โดยมี การุณ เสียสละติดตามมาช่วยตน
"นี่แหละที่ทำให้ดิฉันต้องยอมเหนื่อย เพื่อมาทำภารกิจสุดท้าย คือทำให้พี่น้องหายเหนื่อย หายจน และมีรายได้อย่างยั่งยืนให้ได้ ดิฉันมาทำให้ไม่ทำเอา"
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังปราศรัยแสดงความชัดเจนถึงจุดยืนในการไม่จับมือกับ '2 ป.' คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตพรรครวมไทยสร้างชาติ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยย้ำว่า ถึงแม้พรรคไทยสร้างไทยจะเป็นพรรคเล็ก แต่ก็ยังมีความชัดเจนกว่าพรรคใหญ่ ที่ยังบอกว่า อะไรก็เป็นไปได้