ไม่พบผลการค้นหา
รองประธานสภาฯ คนที่ 1 หวัง ประชุมโหวตนายกฯ จบลงด้วยความเรียบร้อย ถกเถียงกันได้แต่ต้องอยู่ในข้อบังคับของสภา มองมวลชนมาชุมนุม เป็นเสรีภาพของประชาชนทุกกลุ่ม ชี้ ตู้คอนเทนเนอร์ปิดถนน ไม่ใช่นโยบายของสภาฯ

วันนี้ 13 ก.ค. ที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฏรคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนก่อนเริ่มการประชุมสภาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้อยากให้การประชุมตั้งแต่เช้า ไปจนถึงการลงมติโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้ว่าบรรยากาศอาจจะมีการถกเถียงกัน แต่ก็อยากให้จบกระบวนการได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังอย่างไรในการประชุมวันนี้เนื่องจากมีมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์ ปดิพัทธ์ กล่าวว่า คาดหวังว่าการตัดสินใจทุกอย่างจะอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของสภา เพราะฉะนั้นก็เป็นการอภิปรายอย่างเสรีถกเถียงกันให้สิ้นกระแสความ และลงมติกัน ส่วนผลการลงมติเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องเคารพเสียงของที่ประชุม

หากมีการเสนอญัตติให้เลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปจะเป็นอย่างไร ปดิพัทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเสียงโหวตในสภาเป็นอย่างไร แต่ยิ่งมีรัฐบาลช้า การแก้ปัญหาบางอย่างก็จะไม่ค่อยดี ดังนั้นเจตนาเราก็อยากให้มีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับปรากฏการณ์ ที่มีมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์ในวันนี้ ปดิพัทธ์ ระบุว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะประชาชนก็สามารถติดตามการประชุมสภาได้ผ่านโทรทัศน์ ซึ่งหากบรรยากาศไม่ได้เป็นแบบนี้ อาคารรัฐสภาเรียบร้อย ประชาชนก็สามารถเข้ารับชมการประชุมสภาสดได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการมาเรียกร้องหรือแสดงออกของหลายๆ กลุ่มตั้งแต่เปิดรัฐสภามา เป็นเสรีภาพของประชาชนทุกกลุ่ม

เมื่อถามถึงการนำตู้คอนเทนเนอร์มาติดตั้งปิดเส้นทางจราจร (ฝั่งถนนสามเสน) ปดิพัทธ์ เผยว่า การปิดกั้นดังกล่าวไม่ได้เป็นนโยบายของสภา ซึ่งพื้นที่อย่างน้อย 50 เมตรโดยรอบอาคารรัฐสภา ถูกประกาศเป็นพื้นที่ห้ามชุมนุม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรักษาพื้นที่เกินกว่า 50 เมตรในสภา

ถามต่อว่ากังวลหรือไม่ว่าการอภิปราย และการโหวตในสภาจะมีผลต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ปดิพัทธ์ กล่าวว่า อยู่ในความสนใจของประชาชน เพราะเป็นบรรยากาศหลังเลือกตั้ง ไม่ว่าจะได้รัฐใหม่หรือไม่ก็เป็นที่สนใจร่วมกัน