วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้ (14 ก.พ. 68) เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดยังคงดำเนินการตามมาตรการป้องกันการเผาและลดฝุ่นพิษอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้ทุกจังหวัดใช้ข้อมูลจาก GISTDA ที่จะมีการอัปเดตข้อมูลถึงวันละ 10 ครั้งจากดาวเทียมทั้ง 5 ดวงที่โคจร ผ่านหน้าเว็ปไซต์ https://www.gistda.or.th เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการวางแผนให้ทันสถานการณ์มากที่สุด
ปภ.ช. ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดใช้ข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) แต่ละวัน ในการชี้เป้าหมายพื้นที่ที่จะต้องเข้าดำเนินการแก้ไขทั้งพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม เขต สปก. พื้นที่ชุมชน ฯลฯ เพื่อให้การเข้าแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างแม่นยำ ตรงเป้าหมายและให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพย์ฯ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกจังหวัด ยังคงความสำคัญกับการดำเนินมาตรการในการเฝ้าระวัง จับกุม ป้องปราม ระงับ ยับยั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการเผาในพื้นที่รับผิดชอบควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ต่อเนื่องพร้อมทั้งสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบสถานการณ์ และความจำเป็นของหน่วยงานภาครัฐในการดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเข้มข้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่และไม่ให้เกิดประเด็นความขัดแย้งในพื้นที่ สำหรับกระทรวงสาธารณสุข ปภ.ช. ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข ยกระดับการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนความเสี่ยงด้านสุขภาพ ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเชิงวิชาการที่ถูกต้องให้กับประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เกี่ยวกับการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เพื่อลดความตื่นตระหนกของประชาชนตลอดเวลา
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในการรายงานสถานการณ์วันนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้รายงานว่ายังมีพื้นที่ ที่มีจุดความร้อนสะสมสูงสุด 5 อันดับแรกบนพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ของ สปก. ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ 27 แห่ง เพชรบูรณ์ 27 แห่ง ชัยภูมิ 18 แห่ง และลพบุรี 23 แห่ง ส่วนที่จังหวัดกาญจนบุรี 15 แห่ง จังหวัดนครราชสีมา 15 แห่ง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวังและเข้าตรวจสอบเพื่อให้ลดระดับจำนวนจุดความร้อนสะสมได้ตรงตามสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว
ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 สรุปค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 07.00 น. ว่า มี 24 จังหวัดที่ค่าเฉลี่ยของฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน ในระดับสีส้ม โดยในพื้นที่ภาคเหนือ ค่าฝุ่นเฉลี่ยอยู่ที่ 67.8 มคก./ลบ.ม. ภาคกลาง ค่าฝุ่นเฉลี่ยอยู่ที่ 68.9 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันตก ค่าฝุ่นเฉลี่ยอยู่ที่ 68.9 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ค่าฝุ่นเฉลี่ยอยู่ที่ 62,8 มคก./ลบ.ม. ส่วนกรุงเทพและปริมณฑล ค่าฝุ่นเฉลี่ยอยู่ที่ 69.7 มคก./ลบ.ม. สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้มีค่าเฉลี่ยฝุ่นอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA รายงานสถานการณ์จุดความร้อนทั่วประเทศว่า ยังคงพบจุดความร้อนกว่า 1,400 จุด โดยเฉพาะในพื้นที่เขตป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ และที่ดิน สปก. โดย 5 จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ กาญจนบุรี 252 จุด เพชรบูรณ์ 105 จุด ชัยภูมิ 75 จุด ลำปาง 74 จุด และ อุตรดิตถ์ 67 จุด ทั้งนี้ที่ประชุมกำชับให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ตามแผนที่ได้สั่งการจากผู้บัญชาการ บก.ปภช. ของ มท.1 อย่างเคร่งครัดจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ