การเติบโตของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าเด็กและกระแสอี-คอมเมิร์ซในจีน ส่งผลให้ธุรกิจนายแบบนางแบบเด็กเฟื่องฟูตามไปด้วย ภายใต้ความกังวลว่านี่จะเป็นการใช้แรงงานเด็กด้วยช่องโหว่ของกฎหมาย
ในประเทศจีน ตลาดเครื่องแต่งกายสำหรับเด็กโตเร็วกว่าตลาดเสื้อผ้ากลุ่มอื่น โดยในปี 2018 ยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor) บริษัทด้านข้อมูลการตลาดระบุว่า ตลาดเสื้อผ้าเด็กในจีนมีมูลค่าสูงถึง 40,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 1.24 ล้านบาท) เมื่อผนวกกับแรงหนุนจากกระแสอินฟลูเอนเซอร์เด็ก ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ใช้โปรโมตสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ยิ่งทำให้โมเดลเด็กยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้น
สำนักข่าวเจ้อเจียงเดย์ลี่ (Zhejiang Daily) รายงานว่า ความต้องการนายแบบนางแบบเด็กสูงขึ้นจากการบูมของอี-คอมเมิร์ซ โดยระบุว่า พอชุดที่โมเดลเด็กใส่โด่งดังในโลกออนไลน์ บริษัทเจ้าอื่นก็จะพากันรับโมเดลเด็กไปสวมชุดของพวกเขาถ่ายแบบบ้าง
ค่าจ้างของโมเดลเด็กจะอยู่ที่ประมาณ 80 ถึง 150 หยวน (ประมาณ 350 ถึง 660 บาท) ต่อการถ่ายแบบเสื้อผ้าหนึ่งชุด หรือสูงถึง 10,000 หยวน หรือประมาณ 43,800 บาท ต่อวัน สำหรับการถ่ายแบบ 100 ชุดขึ้นไป โดยโมเดลในระดับที่มีชื่อเสียงที่สุด ทำรายได้ถึง 1 ล้านหยวนต่อปี หรือประมาณ 4.38 ล้านบาท ขณะที่โมเดลที่ประสบความสำเร็จระดับกลางๆ มีรายได้หลักแสนหยวน
ด้วยเหตุนี้ บางครอบครัวในจีนจึงพากันย้ายไปอยู่ในเขตที่เป็นแหล่งธุรกิจเสื้อผ้าเด็ก เพื่อหางานถ่ายแบบให้กับลูกของตัวเอง โดยแม่บางรายบอกว่า ลูกสาวเธอที่เป็นนางแบบ จะทำการบ้านในช่วงพักแต่งตัวหรือแต่งหน้า เวลาหลังเลิกเรียนก็จะหาครูมาสอนวิชาที่ขาดเรียนไประหว่างที่มีงานเดินแบบ แต่ผู้ปกครองบางรายก็บอกว่า เงินรายได้ไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่ผลักดันให้ลูกตัวเองไปเป็นนายแบบหรือนางแบบ แต่เป็นเพราะเด็กบางคนขี้อายเกินไป จึงอยากให้เด็กมีประสบการณ์และมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กงฉือผิง นักจิตวิทยาเด็กชาวจีน กล่าวว่า เด็กตั้งแต่วัยแรกเกิดถึง 6 ขวบ เป็นช่วงที่กำลังพัฒนาทางด้านจิตใจ พวกเขาต้องการอิสระอย่างมาก และการนำเด็กมาทำงานเป็นนายแบบหรือนางแบบนั้นเป็นทางเลือกที่เลวร้ายอย่างยิ่ง เพราะในเวลางาน โมเดลเด็กจะจงใจแสดงสีหน้าบางอย่าง แต่ลึกๆ แล้วอาจจะไม่ได้รู้สึกอย่างที่แสดงออกเลย ซึ่งจะกลายเป็นการจำกัดทั้งพัฒนาการทางด้านอารมณ์และทักษะทางด้านจิตใจที่มีความซับซ้อนไปด้วย
เทรนด์การปั้นโมเดลเด็กทำให้เกิดความกังวลเรื่องการใช้แรงงานเด็กและผลกระทบจากแรงกดดันของพ่อแม่ โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ชาวเน็ตพากันรุมประณามคลิปที่แม่ของนางแบบเด็กวัย 3 ขวบคนหนึ่ง เตะลูกตัวเอง เพราะยืนไม่สวยขณะถ่ายแบบ โดยฝ่ายแม่ของเด็กแก้ต่างในเว็บบอร์ดเว่ยป๋อ (Weibo) ของจีนว่าทำไปเพื่อสั่งสอน และไม่ได้มีเจตนาทำร้ายลูก โดยขอโทษหากคลิปวิดีโอดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิด
หลังเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น หน่วยงานของทางการจีนที่เกี่ยวข้อง ได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ที่จะห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า และห้ามไม่ให้ทำงานนานกว่าคราวละ 4 ชั่วโมง ขณะที่ประเทศจีนเองก็มีกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวกับเด็กอยู่แล้ว โดยมีข้อห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ทำงานเต็มเวลาโดยมีสัญญาจ้างงาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีช่องโหว่สำหรับการจ้างงานนอกระบบอยู่