DEAN & DELUCA (ดีน แอนด์ เดลูก้า) เตรียมใช้ไทยขยายสาขาทั้งในประเทศ โดยเฉพาะหัวเมืองขนาดใหญ่ และต่างประเทศให้ครบ 200 สาขาภายใน 4 ปี
หลังจากบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการร้านอาหารดีน แอนด์ เดลูก้า จากบริษัท ดีน แอนด์ เดลูก้า โฮลดิ้งส์ อิงค์ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
นายจอห์น บาร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ดีน แอนด์ เดลูก้า ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นในไทย จากปีละ 1 สาขา เป็น 2-3 สาขาต่อปี จากปัจจุบันมี 4 สาขา และในปี 2563 จะมี 20 สาขาทั่วประเทศ โดยเน้นเปิดตลาดในต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ และภูเก็ต ที่มีความเป็นเมืองมากขึ้นและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ตามห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ และอาคารสำนักงาน
โดยไทยมี 4 รูปแบบร้านที่มากที่สุดของดีน แอนด์ เดลูก้า คือ กรูเมต์มาร์เก็ตสโตร์ ให้บริการทั้งอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงพื้นที่จำหน่ายสินค้า ไฮบริดจ์ ให้บริการอาหารเครื่องดื่มและพื้นที่รีเทลอย่างละ 50% คาเฟ่ ให้บริการเครื่องดื่ม 70% และรีเทล 30% และคีออสก์ ให้บริการเครื่องดื่มอย่างเดียว รวมทั้งหลังตลอด 4 ปี ดีนแอนด์เดลูก้าในไทย มียอดขายเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐ และญี่ปุ่น
และจ���ใช้แนวทางการขยายธุรกิจในไทยไปขยายตลาดทั่วโลกด้วย ตามเมืองใหญ่ ๆ ที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง อาทิ ลอนดอน เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง รวมถึงเมืองอื่น ๆ ในสหรัฐ อาทิ ซานฟรานซิสโก และ ลอสแองเจลิส คาดว่าภายใน 2-4 ปี จะมี 200 สาขาทั่วโลก โดยปัจจุบันดีนแอนด์เดลูก้า มี 41 คือ สหรัฐ 11 สาขา ญี่ปุ่น 18 สาขา สิงคโปร์ 3 สาขา เกาหลี 3 สาขา คูเวต 1 สาขา และดูไบ 1 สาขา
นอกจากนี้ จะนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์และไวน์ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าในช่วงเย็นและค่ำ ที่นิยมดื่มเครื่องดื่มควบคู่กับมื้ออาหาร โดยได้ซื้อสิทธิ์นำเข้าเบียร์ยี่ห้อ บอร์รี อาลิส จากแคนาดา เข้ามาจำหน่ายในช่องทางค้าปลีกของร้าน รวมถึงขายให้สาขาที่สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และสหรัฐด้วยเช่นกัน และมีแผนนำเข้าเบียร์เพิ่มมากกว่า 10 ยี่ห้อที่ยังไม่เคยจัดจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อน เพื่อคงคอนเซ็ปต์ของร้านที่ต้องการเน้นความเอ็กซ์คลูซีฟให้แตกต่างจากร้าน อื่น ๆ จากปัจจุบันที่มีเบียร์เอ็กซ์คลูซีฟประมาณ 20-30 แบรนด์