สตาร์ทอัพอินไซด์วันนี้ ไปรู้จักสตาร์ทอัพด้านแฟชั่นอีคอมเมิร์ซสำหรับชาวมุสลิมในอินโดนีเซีย ที่ประสบความสำเร็จ จนมีบริษัทจากซิลิคอน แวลลีย์มาร่วมลงทุนด้วย 

อุตสาหกรรมแฟชั่นอีคอมเมิร์ซ กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลทั่วโลก สำหรับชาวมุสลิม การช็อปปิ้งออนไลน์ก็เป็นธุรกิจที่เติบโตเร็ว โดยตามข้อมูลของธอมป์สัน รอยเตอร์ส ระบุว่า ตลาดช็อปปิ้งเสื้อผ้าออนไลน์ของหญิงชาวมุสลิมทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2015 และคาดว่าจะเติบโตขึ้นถึง 8 เท่าภายในปี 2021    

"HijUp" สตาร์ทอัพ ธุรกิจเว็บไซต์และแอปพลิเคชันสำหรับการสื้อผ้าออนไลน์ของชาวมุสลิม ที่ก่อตั้งในอินโดนีเซีย ตระหนักถึงการเติบโตของตลาดนี้ และเริ่มก่อตั้งเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ด้วยทุนประมาณ 400 ดอลลาร์ หรือ 17,000 บาท ปัจจุบัน ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมา สร้างยอดขายได้ 1 ล้าน - 5 ล้านบาทต่อเดือน

เว็บไซต์ ฮิจับ เป็นแพลตฟอร์มกลาง ที่ขายสินค้าให้กับหญิงสาวชาวมุสลิมหลากหลายยี่ห้อ ทั้งเสื้อผ้า ผ้าคลุม กระเป๋า รองเท้า ด้วยราคาที่ไม่สูงเกินไป โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือลูกค้าในอินโดนีเซีย แต่ก็มีบริการส่งสินค้าไปทั่วโลกด้วย ซึ่งร้อยละ 20 ของลูกค้าของเว็บไซต์ เป็นลูกค้าต่างประเทศ จากมาเลเซีย อินเดีย และสหรัฐฯ

นอกจากการขายสินค้าแล้ว บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน จะมีคลิปวิดีโอสั้นๆ แนะนำคอลเลคชั่น สไตล์การแต่งตัวจากสินค้าในเว็บไซต์ และทริกการแต่งตัวผสมอยู่ด้วย สร้างจุดยืนผู้นำเทรนด์แฟชั่นของชาวมุสลิม ซึ่งทำให้ปัจจุบัน ฮิจับ เป็นเว็บไซต์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมที่สุด เป็นอันดับ 2 ในอินโดนีเซีย  

ดีอาเจง เลสตารี ผู้ก่อตั้ง ฮิจับ ระบุว่า เธอต้องการแก้ปัญหาความต้องการแต่งตัวตามแฟชัน โดยเฉพาะผู้หญิงชาวมุสลิม แต่ยังรักษาขนบธรรมเนียมของชาวมุสลิมอยู่ โดยคำว่าฮิจับ ย่อมาจากคำว่า ฮิจับ อัพ  ที่เป็นคำผสม ระหว่างฮิญาบ ผ้าคลุมหน้าของหญิงสาวชาวมุสลิม และศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า เดรส อัพ แปลว่าแต่งตัว โดยเลสตารีหวังว่า อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก  จะกลายเป็นเมืองหลวงด้านแฟชันของชาวมุสลิมของโลก 

นอกจากนี้ ฮิจับ ยังเป็นแพลตฟอร์ม ที่ทำให้ดีไซเนอร์ท้องถิ่นชาวอินโดนีเซีย เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก โดยในเว็บไซต์มีสินค้าของดีไซเนอร์ท้องถิ่นหลายสิบยี่ห้อ ให้ลูกค้าสามารถเลือกสรรได้ตามใจชอบในราคาที่จับต้องได้ 

ปัจจุบัน ฮิจับ เป็นสตาร์ทอัพไม่กี่เจ้าในอาเซียน ที่ได้รับความสนใจจากบริษัทร่วมลงทุนจากซิลิคอน แวลลีย์ ที่ปัจจุบัน เริ่มหันมาสนใจลงทุนในตลาดอาเซียนมากขึ้น

ถึงแม้ว่าขณะนี้ สตาร์ทอัพในอาเซียนจะเกิดขึ้นหลายเจ้า แต่มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ที่ก้าวขึ้นเป็นระดับยูนิคอร์น ซึ่งเป็นความท้าทายของธุรกิจสตาร์ทอัพในภูมิภาคนี้ ว่าจะทำอย่างไร ถึงจะสร้างโมเดลธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาระดับท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ต้องมีความเป็นสากลด้วย เพื่อที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และก้าวขึ้นสู่เวทีโลกในอนาคต